Blog

Blog

เขียนเรซูเม่ให้พุ่งทะลุใจHR

เรซูเม่พุ่ง ทะลุใจ HR เขียนเรซูเม่อย่างไร ให้ได้งานไว ประสบการณ์การทำงาน การเขียนข้อมูลส่วนตัวในการสมัครงาน สำหรับผู้มีประสบการณ์การทำงานมาบางแล้ว เรื่อง (Hard Skills & Soft Skills) ต้องระบุให้ครบถ้วนสมบูรณ์ พร้อมมีข้อมูลที่ดึงดูดได้ด้วย เพื่อให้องค์กรนั้นเห็นถึงความพร้อมของเราและรีบเรียกสัมภาษณ์เริ่มงานอย่างรวดเร็ว   1 (Hard Skills) ทักษะตามสาขาอาชีพที่ต้องการของตนเอง ต้องมีการเพิ่มเติมประสบการณ์อื่นๆให้สมบูรณ์ที่สุด ทักษะ (Skills) ต้องเขียนให้ครบถ้วน พร้อมกับตัวเลือกระดับความสามารถ คือ ระดับเริ่มต้น ,ระดับชำนาญ ,ระดับมีประสบการณ์ ,ระดับผู้เชี่ยวชาญ ให้เลือกว่าแต่ละทักษะที่ระบุนั้น คุณมีระดับไหน (ประสบการณ์การทำงานและหน้าที่รับผิดชอบ เป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ฝ่ายHR จะจับจ้องเรซูเม่ของคนเป็นอันดับแรกๆ             สรุปง่ายๆ เขียนข้อมูลประสบการณ์ บทบาทหน้าที่การทำงาน อายุงานให้ครบถ้วนและชัดเจนเข้าใจง่าย     2 (Soft Skills) ทักษะเสริมเพิ่มเติม หรือทักษะทางอารมณ์ในการทำงาน เป็นข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ผู้สมัครงานมีทักษะด้านอารมณ์ การทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างไรบ้าง การปรับตัวกับวัฒนธรรมองค์กรที่ผ่านๆมาว่าเป็นอย่างไร การจัดการทางความคิดการกระทำของตนเองระหว่างทำงาน แนะนำ Soft Skills สำคัญ เราสามารถปรับภาษาการใช้งาน และเรื่องราวเกี่ยวกับ Soft Skills นี้ตามตำแหน่งงานเราสมัครงานจึงจะเหมาะสมกว่า การใส่ไปทุกตำแหน่งงานเหมือนกันหมด   การเรียนงานอย่างมีคุณภาพ การรู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การแลกเปลี่ยน การแสดงความคิดเห็น ไอเดียในการปฏิบัติงาน การสร้างนวัตกรรมใหม่ เพื่อใช้ต่อยอดในสายงานที่ปฏิบัติงาน การทำงานเป็นทีม การสื่อสารในการทำงาน การปรับทัศนคติการจัดกาความคิดเชิงบวก และอารมรณ์ในการทำงาน   3 ภาษาและการใช้โปรแกรมหรือช่องทางดิจิทัล  ทักษะด้านภาษาเป็นสิ่งสำคัญในการสมัครงาน และสำคัญมากขึ้นหาสายงานที่คุณสมัครเป็นสายงานที่เกี่ยวข้องและต้องใช้ทักษะด้านภาษา ควรให้ครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุด ส่วนด้านการใช้โปรแกรมอื่นๆมีความจำเป็นในการต่อยอดสายงานของผู้สมัครงานหรือคนที่อยากเปลี่ยนงานมากที่สุด แอบบอกนิดนะครับ โปรแกรมพื้นฐานในการทำงานมันเบสิกไปแล้ว ต้องระดับขั้นสูง เช่น โปรแกรมการใช้สำหรับสำนักงาน การสื่อสาร โปรแกรมด้านการนำเสนอผลงาน รายงานการทำงาน และที่จะให้ปังเลย ต้องกลุ่มโปรแกรมด้านการออกแบบ ตกแต่งรูป ตัดต่อวิดีโอ หรือแอพฯต่างๆที่สร้างสรรค์การนำเสนองานได้ ( ห้ามลืมเตรียมพร้อมทักษะกลุ่มนี้ )   สุดท้าย :  เรื่องเกี่ยวกับ การสื่อสารผ่านช่องดิจิทัล เนื่องในสถานการณ์ปัจจุบัน จะทำให้เห็นว่า คนทำงานต้องมีการปรับตัวในการอุปกรณ์และเครื่องมือการสื่อสารในยุคดิจิทัล อาทิ ด้านการประชุมผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสารผ่านช่องอิเมล์ หรือผ่านแอพฯต่างๆในการสื่อสารกับทีมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ นี้เป็นสิ่งที่ความเพิ่มเติมให้โดนใจ HR แล้วมีให้คุณเป็นที่จับตามองและน่าสนใจ               การเขียนเรซูเม่สำหรับคนทำงาน และมีประสบการณ์แล้ว ความเพิ่มทักษะที่กล่าวไว้ข้างต้น และที่สำคัญการใช้ภาษาที่ถูกต้อง อายุ ประสบการณ์ที่กับสายที่สมัครงาน ขอเตือนอีกนิดนะครับ อย่าส่งเรซูเม่ที่เขียนเหมือนกันทุกตำแหน่งงานที่สมัคร เพราะแต่ละตำแหน่งงานที่ผู้สมัครงานสมัคร อาจใช้ทักษะ ความถนัดที่ไม่เหมือนกัน ควรมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนเรซูเม่ ให้เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่สมัครงานตรงความต้องการของขององค์กร  
อ่านเพิ่มเติม

เทคนิคการUpskill&Reskillให้ตรงความต้องการนายจ้างฉบับเด็กจบใหม่

ที่เข้าใจกันส่วนใหญ่ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับคนที่ทำงานอยู่แล้ว แต่ในความหมายสำหรับน้องจบใหม่ คือ Upskill เป็นการฝึกทักษะที่มีอยู่แล้วหรือทักษะใหม่ของสายอาชีพที่เรียนมา เพื่อให้เก่งขึ้นและพร้อมทำงานในสายนั้นทันที เพิ่มโอกาสในการได้งานทำ Reskill เป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ เพื่อทำงานนอกสายอาชีพที่เรียนมา ดังนั้น น้อง ๆ ต้องเลือกก่อนครับ ว่าจะไปสายอาชีพไหน ...เมื่อเลือกแล้ว มาลงมือไปพร้อมกันเลย   1 เลือกทำงานในสายที่เรียน ต้องถามต่อว่า... 1.1 อยากทำในตำแหน่งอะไร หรือตำแหน่งไหนที่น้องทำได้ ? 1.2 ตำแหน่งนั้น เขาต้องการคนมีทักษะอะไรบ้าง ? น้องมีไหม ? 1.3 (ถ้ามี) พอรึเปล่า ? ถ้าไม่พอก็ต้อง Upskill นั้น แต่ถ้าไม่มีเลยก็ต้อง Reskill เทียบเท่ากับการเรียนรู้ใหม่ แม้จะเป็นสายที่เรียนมา แต่เรายังไม่เคยเรียนมาก่อนครับ 2 เลือกทำงานนอกสายที่เรียน ต้องถามต่อว่า... 2.1 อยากทำงานสายไหน ในตำแหน่งอะไร ? 2.2 ตำแหน่งที่อยากทำ ต้องมีทักษะอะไรบ้าง ? 2.3 น้องมีทักษะเหล่านั้นหรือไม่ ? 2.4 (ถ้ามี) พอรึเปล่า ? ถ้าไม่พอก็ต้อง Upskill นั้น แต่ถ้าไม่มีเลย ก็ต้อง Reskill ทั้งหมด ให้พร้อมทำงานในตำแหน่งนั้นครับ 3 เลือกไม่ถูก ไม่แน่ใจว่าจะไปสายไหน ถ้างานไหนรับ ก็ทำหมดแหละ ให้เลือกตำแหน่งงานที่อยากทำก่อน แล้วดูว่า งานนั้นต้องการทักษะอะไรบ้าง จะต้อง Upskill หรือ Reskill หรือทั้ง 2 อย่าง ต้องตรวจสอบตัวเองแล้วลงมือทำเช่นเดียวกับ 2 ข้อด้านบนเลยครับ แล้วจะรู้ได้ยังไง ว่าตำแหน่งงานที่อยากทำ เขาต้องการทักษะใดบ้าง ? 1 ดูที่ประกาศงานของบริษัทในตำแหน่งที่ต้องการสมัคร ว่าคุณสมบัติที่ต้องการเป็นอย่างไร ,ต้องมีทักษะอะไรบ้าง รวมถึงหน้าที่ในงานนั้นต้องใช้เครื่องมือใดทำงาน น้องต้องมีทักษะในการใช้เครื่องมือนั้น แต่ควรเลือกงานที่รับนักศึกษาจบใหม่ด้วยนะครับ หรือถ้าจะแข่งก็เลือกงานที่ระบุประสบการณ์เต็มที่ไม่เกิน 2 ปีครับ 2 ถ้าเป็นไปได้ให้สอบถามรุ่นพี่ที่ทำงานในตำแหน่งนั้น หรือในสายอาชีพนั้นเลยครับ จะได้เห็นข้อมูลเป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น ตำแหน่งบัญชี เน้นการใช้โปรแกรมใด คำสั่งไหนในการทำงาน ถ้าเราเตรียมพร้อมและทำได้อย่างคล่องแคล่ว โอกาสได้งานก็สูงมากครับ ขอย้ำเลยว่า งานที่เปิดรับน้องจบใหม่ ไม่ได้แปลว่า เอาวุฒิไปสมัครแล้วไปสัมภาษณ์ตัวเปล่าได้เลยนะครับ เหตุนี้เลยที่ทำให้น้อง ๆ ตกงานกันเยอะ เพราะต่อให้เพิ่งจบน้องก็ต้องมีทักษะที่พร้อมทำงานในตำแหน่งนั้น และพี่ ๆ ในที่ทำงานเขาจะโอเคมาก ถ้าได้สอนน้องเพียงเรื่องตัวงาน ไม่ต้องสอนทักษะด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือทักษะอื่นๆ ด้วย ฉะนั้นการ  Upskill & Reskill ต้องมีก่อนไปสมัคร แล้วการหางานจะไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ ขอบคุณข้อมูล :  อาจารย์ พรเทพ พงษ์สง่างาน  ที่ปรึกษาอาวุโสด้าน HR และกรรมการ บริษัท เซ็นเมนทอร์ จำกัด ,กรรมการบริหาร APK Management Center Website : www.senmentor.com Line : wisebrown Tel : 081-820-9271
อ่านเพิ่มเติม

ก่อนจะสมัครงานต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนนะครับโดยเฉพาะการหางานในสื่อออนไลน์

ก่อนจะสมัครงานต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนนะครับ โดยเฉพาะการหางานในสื่อออนไลน์ มีทั้งงานจริง ,งานหลอกไปเสียตังค์ค่าอบรม ,หลอกให้ซื้อของมาสต็อก ,หลอกไปเข้าสู่ธุรกิจสีเทา หรืออื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อความปลอดภัย คุณสามารถตรวจสอบประกาศงานได้ง่าย ๆ ครับ ถ้ามีครบ 5 ข้อตรงตามลักษณะต่อไปนี้ ก็แน่ใจได้ว่า งานนั้นเชื่อถือได้ ไม่หลอกลวงครับ   1 ระบุชื่อบริษัท ชื่อร้านหรือชื่อผู้จ้างชัดเจน : ขอย้ำว่า  มันคือส่วนแรกที่ประกาศงานต้องมีครับ แต่ถ้าไม่คุ้นชื่อบริษัท ต้องเอาไปเช็กใน google เลย ถ้ามีอยู่จริง ต้องมีข้อมูลแสดงครับ ถ้าไม่มีเว็บบริษัท อย่างน้อยก็ต้องมี Facebook หรือชื่อบริษัทนั้นต้องมีอยู่ในเว็บต่าง ๆ เช่น เว็บที่ระบุว่าบริษัทเป็นธุรกิจอะไร ตั้งอยู่ที่ไหน แต่ถ้าเป็นชื่อร้านธรรมดาหรือผู้จ้าง ก็ต้องเช็กเหมือนกันครับ ถ้าไม่เจอข้อมูลว่าชื่อนี้หลอกลวง ลองไปดูข้อต่อไปเลยครับ 2 ระบุชื่อตำแหน่งและรายละเอียดหน้าที่งาน : การจ้างงานล้วนต้องการคนที่พร้อมทำงาน ไม่ต้องสอนอะไรมาก ก็พอทำได้ เรียนรู้ด้วยตนเองได้ ฉะนั้น เขาจะประกาศโดยใช้ชื่อตำแหน่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนครับ ว่างานนั้นมีหน้าที่อะไร และจะขยายความในข้อมูลหน้าที่งานเป็นขั้นตอนอย่างละเอียดด้วยครับ เพื่อคัดกรองให้มีเฉพาะคนตรงความต้องการเข้ามาสมัครมากที่สุด ทั้งนี้บางประกาศอาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดในแคปชั่น แต่ก็จะมีข้อมูลระบุไว้ในภาพที่โพสต์ หรือถ้าไม่มีระบุในส่วนไหนเลย ต้องลองติดต่อไปสอบถามให้แน่ใจครับ ถ้าเขาตอบไม่เคลียร์ ไม่เข้าใจเลยว่ามันคืองานอะไร ให้สงสัยไว้เลยครับ ว่างานนั้นอาจไม่จริง 3 ระบุเงินเดือนชัดเจน เหมาะสมกับหน้าที่งาน : ถ้าระบุเป็นตัวเลขชัดเจน จำนวนเงินต้องเหมาะสมกับงานนั้น ไม่สูงเกินหน้าที่งาน เช่น แค่ตอบแชทวันละไม่กี่ชม. ก็ได้ 3 พัน 7 พัน หรือแค่โพสต์ ๆ คลิก ๆ ก็ได้เงินแล้ว !! ถ้ามีงานแบบนี้จริง ได้เงินง่ายขนาดนี้ สังคมเราคงไม่มีคนตกงานสูงขึ้นทุกปีแบบนี้หรอกครับ เพราะความจริงคือ มันไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ ขนาดนั้น นอกจากนี้ ถ้าไม่ระบุเป็นตัวเลข เขาอาจแจ้งว่า ตามตกลง หรือขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ซึ่งต้องสัมภาษณ์กันอีกทีครับ 4 ระบุคุณสมบัติผู้สมัครอย่างละเอียด : นอกจากชื่อตำแหน่งและหน้าที่งานที่ต้องละเอียด เพื่อให้ได้คนที่ตรงมากที่สุด การระบุคุณสมบัติเขายิ่งต้องไม่พลาดครับ ทั้งเพศ ,อายุ ,วุฒิการศึกษา ,สาขาที่เรียน ,ประสบการณ์ ทั้งนี้ข้อมูลก็จะสอดคล้องกับหน้าที่งานด้วย บางงานอาจเปิดกว้าง ไม่จำกัดคุณสมบัติมากนัก แต่อย่างที่กล่าวข้างต้นครับ ต้องพิจารณาความสมเหตุสมผลให้มากที่สุดด้วย ไม่มีงานไหนได้มาง่าย ๆ ครับ  5 ระบุช่องทางสมัคร – ติดต่ออย่างเป็นทางการ : ไม่ว่าจะเป็นชื่ออีเมล ,ไอดีไลน์ ,เบอร์โทร ,Inbox FB หรือแบบฟอร์มสมัครงาน ต้องใช้ชื่อที่เป็นทางการอยู่แล้ว เช่น ชื่อ HR หรือชื่อบริษัท เพราะมันคือหน้าตาของบริษัทหรือผู้จ้าง ไม่งั้นเขาก็ต้องโดนต่อว่าครับ แต่ถ้าให้ติดต่อผ่าน Inbox ก็สังเกตได้ในโปรไฟล์ของเขา ถ้าไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย แบบนี้ก็ไม่น่าไว้ใจครับ ส่วนที่เป็นแบบฟอร์มให้กรอก ก็ต้องมีระบุชื่อบริษัท โลโก้ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ที่สำคัญต้องดูข้อมูลที่ให้กรอกด้วยนะครับ ถ้าให้ระบุข้อมูลส่วนตัวที่อาจทำให้คุณไม่ปลอดภัย เช่น เลขบัตรประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่ให้ส่งสำเนาตอนยื่นเอกสารสัมภาษณ์งาน หรือเลขบัญชี ซึ่งเขาจะให้แจ้งตอนเข้าทำงานกับบริษัทแล้วเท่านั้นครับ ต้องระวังให้มากที่สุด เพราะมิจฉาชีพบางทีก็เนียนมาก ๆ ในช่วงเวลาที่กรอก ต้องอ่านข้อมูลทุกข้อเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจก่อนทุกครั้งที่จะกดส่งไปให้เขานะครับ ทั้งนี้ นอกจากการหางานในสื่อโซเชียล เพื่อความปลอดภัยมากขึ้น คุณสามารถเลือกช่องทางหางานผ่านเว็บหางานต่าง ๆ ได้เช่นกันนะครับ เพราะแต่ละเว็บไซต์คัดกรองงานมาให้แล้ว สบายใจได้เลย ไม่มีหลอกลวงแน่นอนครับ
อ่านเพิ่มเติม

สัมภาษณ์งานครั้งนี้ต้องไม่พลาด!!ถ้าคุณพร้อมทั้ง5ข้อนี้งานที่ใช่เป็นของคุณได้ไม่ยากเลยครับ

สัมภาษณ์งานครั้งนี้ ต้องไม่พลาด !! ถ้าคุณพร้อมทั้ง 5 ข้อนี้ งานที่ใช่เป็นของคุณได้ไม่ยากเลยครับ 1 ทำความรู้จักองค์กร : เข้าไปศึกษาในเว็บไซต์ หรือช่องทางโซเชียลขององค์กรเลยครับ ประวัติความเป็นมา ประเภทธุรกิจและสินค้าของเขาคืออะไร?  ผู้สมัครที่สนใจเข้าทำงานจริง ๆ ต้องรู้จักองค์กรนั้นเป็นอย่างดี เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับงานทุกตำแหน่ง ฉะนั้นคนที่ไม่รู้จักกันจริง ก็ไม่ใช่คนที่พร้อมทำงานกับองค์กรครับ 2 ศึกษาตำแหน่งงานที่สมัคร แล้วนำไปเชื่อมโยงกับสินค้าขององค์กร : หน้าที่ความรับผิดชอบคืออะไร ต้องกลับไปดูในประกาศงานให้ละเอียดครับ โดยทำความเข้าใจแล้วนำไปเชื่อมโยงกับสินค้าของเขา เช่น ตำแหน่งงาน Telesales หน้าที่งานหลักเลยคือ การขายทางโทรศัพท์ สมมติว่าสินค้าคือ อาหารเสริม คุณก็ต้องไปดูให้ครบว่าสินค้าเขามีอะไรบ้าง คุณสมบัติของแต่ละตัวเป็นอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง ลองคิดดูว่า จะมีวิธีการนำเสนอสินค้าอย่างไรให้ขายได้ ?  จะเพิ่มยอดขายด้วยวิธีการใดได้บ้าง ? หรืออื่น ๆ ที่เป็นผลดีกับองค์กร ทั้งนี้ถ้าไม่รู้จักองค์กร ไม่รู้ว่าสินค้าคืออะไร การตอบคำถามในส่วนนี้ก็เป็นไปได้ยากครับ   3 เตรียมทำแบบทดสอบ : อยู่ที่ว่าตำแหน่งงานคืออะไร ทักษะหลักที่ใช้ทำงานมีอะไรบ้าง เช่น ตำแหน่ง Telesales วันนึงต้องโทรหลายสาย ต้องสื่อสารรู้เรื่องพร้อมพิมพ์ดีดข้อมูลลูกค้าให้ครบถ้วน ซึ่งหากต้องมานั่งมองแป้นแล้วจิ้มทีละตัวก็คงไม่ผ่าน ฉะนั้น ต้องฝึกให้พร้อมครับ หรือหากเป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ภาษาต่างประเทศ อาจมีการทดสอบพูด ฟัง อ่าน เขียน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ต้องใช้ทำงาน คุณก็ต้องผ่านการทดสอบเท่านั้นครับ ปล. อย่างไรแล้ว ทักษะหลักที่เกี่ยวข้องกับงาน ต้องเตรียมให้พร้อมเสมอ  แม้จะไม่มีการทำแบบทดสอบ แต่ผู้สัมภาษณ์ต้องพิสูจน์ความสามารถของผู้สมัครให้แน่ใจชัดเจนที่สุดอยู่แล้ว ซึ่งอาจยากกว่าการทำแบบทดสอบก็เป็นได้ครับ 4 ฝึกแนะนำตัวสั้น ๆ ให้น่าคุยต่อ : สิ่งสำคัญที่สุดของบทสนทนาแรก คือต้องทำให้เขาเห็นว่าคุณมีความสนใจในงานนี้และมีคุณสมบัติที่พร้อมทำงาน เช่น เมื่อกล่าวสวัสดีบอกชื่อเรียบร้อยแล้ว ต่อด้วยเรื่องการศึกษาที่จบเลยครับ เรียนอะไรมา ? ทำไมถึงเรียน ? สนใจสิ่งที่เรียนนี้ตั้งแต่เมื่อไร อะไรทำให้สนใจ ? สิ่งที่เรียน สามารถนำมาใช้กับงานได้อย่างไรบ้าง ? หรือถ้าไม่ได้เรียนสายตรงกับงานนี้ ก็ต้องมีเหตุผลมา Support อาจเป็นประสบการณ์จากงานที่ผ่านมา หรืออาจเคยฝึกงาน รับงานพิเศษ ...ซึ่งสิ่งที่แนะนำตัวทั้งหมดนี้ จะต้องนำไปสู่เหตุผลของการทำให้คุณสนใจสมัครงานนี้ครับ ดังนั้น อะไรที่ไม่เกี่ยวอย่าเพิ่งนำมาพูดตอนนี้ให้ยาวให้คนฟังเบื่อครับ เน้นเนื้อ ๆ ที่สำคัญ ให้คนสัมภาษณ์อยากรู้จัก อยากค้นหาความสามารถของคุณต่อเรื่อย ๆ ครับ 5 เตรียมนำเสนอความสามารถ – ประสบการณ์ (สอดคล้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร) : คำถามในทำนองว่า คุณทำอะไรเป็นบ้าง ? ให้ตอบเฉพาะทักษะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานก่อนเลยครับ อะไรที่ไม่เกี่ยวอย่าเพิ่งนำมาแทรก ต้องทำให้เขาเห็นว่า คุณมีคุณสมบัติที่ตรงตามต้องการ จากนั้นเมื่อเขาถามถึงประสบการณ์งานที่ผ่านมา ให้เล่าถึงลักษณะงานที่เคยทำซึ่งต้องแสดงให้เห็นว่า มันทำให้คุณได้ทักษะตามที่กล่าวข้างต้น เช่น บอกว่ามีทักษะในการเขียนคอนเทนต์เพื่อทำการตลาดใน Facebook ประสบการณ์งานที่ผ่านมา ก็ต้องพูดถึงหน้าที่งานที่คุณได้เขียนคอนเทนต์ลง Facebook เป็นหลัก แล้วค่อยเล่าต่อว่า หน้าที่งานโดยสมบูรณ์ต้องทำอะไรอีกบ้าง เช่น การทำสถิติรายงานการเข้าถึงแฟนเพจ ยอดกดไลก์ของแต่ละโพสต์ เพื่อนำมาพัฒนาการเขียนคอนเทนต์ให้น่าสนใจมากขึ้น ______________________________________ ค้นหางาน ฝากเรซูเม่ และติดตามบทความดี ๆ ที่จะช่วยพัฒนาความสามารถในหน้าที่การงานได้ ที่ Website : https://orchidjobs.com/th : https://www.jobbkk.com/ Facebook : OrchidJobs Instagram : OrchidJobs Email : [email protected] Call : 0-2514-7499 “OrchidJobs” เราเชี่ยวชาญในการสรรหาบุคลากรในการคัด เลือกพนักงานให้แก่บริษัทชั้นนำทั่วประเทศ”
อ่านเพิ่มเติม

แก้วิกฤตแรงงานเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงาน

ควิดฉุดความสามารถจ่ายเงินเดือนของเอกชนหดเหลือ 4.6% จากปีก่อน 5.07% สภาหอการค้าฯ จับมือ กมธ.แรงงาน วุฒิสภา ตั้ง 4 คณะทำงาน วางแนวทางขอจ่ายรายชั่วโมง วางแก้วิกฤตขาดแคลนแรงงาน พร้อมเตรียมแผนรองรับการเจรจา CPTPP-FTA เพิ่มความเข้มงวดเรื่องสิทธิแรงงาน ตามมาตรฐาน ILO ฉบับที่ 87 และ 98 นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์แรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า หอการค้าฯได้หารือกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา และคณะ ถึงประเด็นปัญหาแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ต่ออุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น ส่งผลให้ในอนาคตมีโอกาสจะขาดแคลนแรงงานเป็นจำนวนมาก จึงเห็นชอบให้ตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาแรงงาน 4 คณะ “ผลกระทบต่อโควิด-19 ทำให้ความสามารถการจ่ายเงินเดือนของผู้ประกอบการลดลงจากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5.07% ปีนี้ลดลงมา 4.6% จึงต้องการอนุโลมให้จ่ายค่าแรงในรายชั่วโมง 45 บาทต่อชั่วโมง ไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวันด้วย และข้อเสนอการให้ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนค่าจ้างแรงงานมาใช้หักภาษีได้ 3 เท่า ในช่วงระหว่าง COVID-19” สำหรับคณะทำงาน 4 คณะ ประกอบด้วย 1) คณะทำงานเพื่อดูแนวทางของประเทศไทยต่ออนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 และ 98 เกี่ยวกับมาตรฐานสากลเกี่ยวกับความตกลงระหว่างประเทศด้านสิทธิแรงงานและสิทธิมนุษยชน เพื่อเตรียมสำหรับการเจรจาข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรี ทั้ง FTA Thai-EU, CPTPP, RCEP 2) คณะทำงานการส่งเสริมการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน และพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อแก้ปัญหาการขอยื่นรับรองหลักสูตรของสถานประกอบการ และรับรองหลักสูตร e-Learning โดยจัดทำ ขั้นตอนลดการใช้ดุลพินิจเจ้าหน้าที่ในการรับรอง เป็นต้น 3) คณะทำงานการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลแรงงาน (big data) ประเทศไทย จัดทำ digital platform ที่สามารถ matching ระหว่างสถานประกอบการกับแรงงานว่าอุตสาหกรรมหรือบริการขาดแคลนแรงงานจำนวนเท่าไร และ 4) คณะทำงานการจ้างงานรายชั่วโมงเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในสถานการณ์โควิด-19 ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน “เรื่องแรงงานเป็นหนึ่งในประเด็นการเจรจาการค้า หากเรื่องใดที่ไทยยังไม่สามารถทำได้ จำเป็นต้องขอสงวนไว้ขอเวลาปรับตัว บางเรื่องกฎหมายไทยถือว่ามีความพร้อมแล้ว เช่น เรื่องสิทธิเสรีภาพไทย มี พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน มีสหภาพแรงงานต่างด้าว สามารถออกความคิดเห็นยื่นข้อเรียกร้องได้ ยืนยันได้ว่าทุกบริษัท ทุกอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ประเด็นสำคัญ ต้องเตรียมเพื่อให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศมีแนวทางการเจรจาในอนาคต” อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือตามข้อเสนอมาตรการช่วยเหลือด้านแรงงานของหอการค้าฯเป็นอย่างดี ทั้งการเพิ่มสิทธิประโยชน์การว่างงาน เนื่องจากเหตุสุดวิสัย รับเงินกรณีว่างงาน 62% (ไม่เกิน 90 วัน) และเลื่อนเวลาส่งเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตน มาตรา 33 และ 39 การขยายเวลาการลดอัตราเงินสมทบของนายจ้างและลูกจ้าง จาก 5% เหลือ 2% เพิ่มเติมอีก 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2563 การขยายมาตรการผ่อนปรนให้แรงงานต่างด้าว MOU ที่มีวาระการจ้างงานครบ 4 ปี อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และสามารถทำงานได้ถึง 31 มีนาคม 2565 นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์แรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน และนายกสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย กล่าวว่า สิ่งที่ภาคเอกชนเป็นห่วงคือ ปัญหาในการขาดแคลนแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนการส่งออก และเศรษฐกิจประเทศในช่วงที่ปัญหาโควิด-19 ยังคงจะอยู่ต่ออีก 1-2 ปีจากนี้ แม้เอกชนจะนำเครื่องจักรเข้ามาช่วย แต่แรงงานก็ยังมีความสำคัญในอุตสาหกรรมดังกล่าวอยู่มาก ข่าวโดย : ประชาชาติ 
อ่านเพิ่มเติม

การงานการค้าไม่ผิดหวังต้องขอพรให้ถูกที่

5  แห่งสายมู ขอพรเรื่องการงาน การค้า ห้ามพลาด การหางานงานหรือการทำธุรกิจ ในยุคดิจิทัลนี้ ทางพึ่งทางใจและกำลังใจก็คงหนีไม่พ้น สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่จะช่วยส่งเสริมให้เรามีกำลังใจมากขึ้น วันนี้เรารวบรวมสถานที่แห่งการขอพร เรื่องการงาน การค้า สำคัญๆในกรุงเทพมหานครและทั่วไทย   อันดับ 1 วัดเจดีย์ ไอ้ไข่ อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช วัดดังแห่งจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้บูชา เพื่อขอพรในเรื่องการงาน การเงิน และการขอโชคลาภ ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นวัดศูนย์รวมผู้คนจากทั่วทุกทิศ และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องการบนบาน   ขอพร : โชคลาภ เงินทอง ค้าขาย การงาน เมตตามหานิยม การไหว้ : ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่าคาถา "อิติ อิติ กุมารไข่เจดีย์ จะมะหาเถโร ลาภะ ลาภา ภะวันตุเม" แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ของไหว้ : ประทัด ของเล่นเด็ก ชุดทหาร รูปปั้นไก่ชน การเดินทาง : ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช   อันดับ 2  ศาลท้าวมหาพรหม เอราวัณ กรุงเทพมหานคร การบูชาพระพรหม มีความเชื่อกันว่าพระพรหมเป็นองค์เทพที่สามารถลิขิตชะตาชีวิตของมนุษย์ได้ หากประพฤติตนดี และอธิษฐานขอพรในเรื่องใด ก็จะสมหวังดั่งที่ปรารถนา เป็นผลให้มีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาสักการะกันเป็นจำนวนมาก   ขอพร : การงาน การเงิน สุขภาพ และโชคลาภ การไหว้ : ท่องคาถา “โอม อหัม ปรัหมา อัสมิ” ของไหว้ : ธูป เทียน ดอกบัว พวงมาลัยดาวเรือง และน้ำ โดยการขอแต่ละเรื่องจะใช้จำนวนแตกต่างกัน การเดินทาง : ถนนเพลินจิต กรุงเทพมหานคร 300 ม. จาก BTS ชิดลม และ 600 ม. จาก BTS ราชดำริ   อันดับ 3  หลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา “วัดโสธรวรารามวรวิหาร” หรือ “วัดหลวงพ่อโสธร” เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแปดริ้ว สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ “หลวงพ่อโสธร” เป็นที่เคารพสักการะของชาวแปดริ้วและประชาชนทั่วไป ใครที่เดินทางผ่านเมืองแปดริ้ว ก็สามารถแวะมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตได้   ขอพร : ความสงบสุข การงาน อาชีพ ค้าขาย และความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต การไหว้ :  ท่องคาถา “นะ ทรงฟ้า โม ทรงดิน พุทธ ทรงสินธุ์ ธร ทรงสมุทร ยะ ทรงอากาศ พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด ศัตรูพาล วินาศสันติ นะ กาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ โมกาโร โกนาคะมะโน นานาจิตเต พุทธกาโร กัสสะโป พุทโธ จะ ทะเวเนเต ธา กาโร ศรีศากกะยะมุนี โคตะโม ยะกันเน ยะกาโร อะริยะ เมตตรัยโย ชิวหาทีเต ปัญจะพุทธา นะมามิหัง พุทธบูชา มะหาเตชะวันโต ธัมมะบูชา มะหาปัญโญ สังฆะบูชา มะหาโภคะวะโห อะระหังพุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะมามิหัง” ของไหว้ :  ไข่ต้ม การเดินทาง : ถนนเทพคุณากร ฉะเชิงเทรา (ใช้ถนนหมายเลข 304 มีนบุรี – ฉะเชิงเทรา,เข้าเมืองฉะเชิงเทรา วิ่งตรงไปเรื่อย ๆ จะมีป้ายบอกตลอดทาง)   อันดับ 4 วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือ วัดหลวงพ่อโต กรุงเทพฯ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือ วัดหลวงพ่อโต กรุงเทพฯ เคยเป็นพระตำหนักและหอประทับนั่งของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มี “หอพระไตรปิฎก” สถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก พระพุทธรูปสวยงามประณีตแบบไทย จิตรกรรมฝาผนังวิจิตรงดงาม   ขอพร : การงาน และชื่อเสียงโด่งดัง กึกก้องกังวาลเหมือนระฆัง การไหว้ : ท่องบทสวดชินบัญชร ของไหว้ : ธูป 3 ดอก เทียนคู่ ทองคำเปลว 3 แผ่น การเดินทาง : มาทางเรือโดยเรือด่วนเจ้าพระยา ลงที่ท่าเรือรถไฟหรือท่าวังหลัง หรือข้ามฟากที่ท่าช้าง แล้วขึ้นที่ท่าเรือวัดระฆัง   อันดับ 5  หลวงพ่อทันใจ แห่งวัดพระธาตุดอยคำ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงพ่อทันใจ แห่งวัดพระธาตุดอยคำ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ เป็นที่รำ่ลือในเรื่องการขอพรและบนบานเป็นอย่างมาก เมื่อเดินทางไปไหว้สักการะจะเห็นพวงมาลัยมะลิสดจำนวนมากมายถวายอยู่ เพราะนั่นเป็นการแก้บน เมื่อสิ่งที่ขอพรนั้นบรรลุผลแล้ว   ขอพร : การเสี่ยงโชค สุขภาพ และการงาน การไหว้ : ท่องคาถา “โอม นะโมพุทธายะ ยะอะสะ สุมัง จะปาคะ” ตั้งนะโม 3 จบแล้วบอกชื่อและนามสกุลในใจ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ของไหว้ : จุดธูป 3 ดอก และแก้บนด้วยพวงมาลัยดอกมะลิสด 50 พวงขึ้นไป การเดินทาง : ถนนหมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ เชียงใหม่ (เข้าทางถนนเลียบคลองชลประทาน แยกจากถนน เชิงดอยบริเวณตลาดต้นพะยอมไปทางทิศใต้ประมาณ 6 กิโลเมตร วัดพระธาตุดอยคำจะอยู่ด้านขวา)   อย่างไรก็ตาม จะกราบไหว้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ กำลังใจ แต่ก็ต้องมีความมานะ พากเพียร พยายาม และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ประสบการณ์ความสำเร็จมากขึ้นทั้งการงาน การค้า หากกราบไหว้แต่ยังนอนเล่นอยู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่เกิดประโยชน์ อะไรก็ได้ไม่สู้ความเพียร เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ  
อ่านเพิ่มเติม
Top