Blog

Blog

ผู้ประกอบการสนใจลงทะเบียนสรรหาคนโดนใจ

ผู้ประกอบการ หากสนใจสรรหาคนอย่างมืออาชีพและครบวงจร ลงทะเบียนได้ที่เรา หาคนที่ใช่ ส่งคนเร็ว ครบวงจร มีคุณภาพ เราคือผู้เชียวชาญด้านการสรรหาคนทั่วไทย ทุกปัญหาการหาคนทำงานเราช่วยคุณได้ จากประสบการณ์ด้านหาคนทำงาน และบริษัทชั้นนำกว่า 1,500 บริษัททั่วไทยใช้บริการเรา สนใจสอบถามเพิ่มเติม ทะเบียน : https://orchidjobs.com/go/4QtIs --------------------------------------------------------------- Website : https://orchidjobs.com/th Facebook : OrchidJobs Instagram : OrchidJobs Email : [email protected] Call : 0-2514-7499 “OrchidJobs” เราเชี่ยวชาญในการสรรหาบุคลากรในการคัดเลือกพนักงานให้แก่บริษัทชั้นนำทั่วประเทศ” #orchidjobs #ข่าวสาร #งาน #หางาน #สมัครงาน #คนทำงาน
อ่านเพิ่มเติม

เหล้าเบียร์ขึ้นราคายกแผงมีนาคม“คอทองแดง”กระอัก

เหล้าเบียร์ขึ้นราคายกแผง มีนาคม “คอทองแดง” กระอัก “เหล้า-เบียร์” จ่อขยับราคายกแผง คาดดีเดย์ต้นมีนาฯ อ้างสุดทนเหตุต้นทุนพุ่ง สุดอั้นแบกภาระ “ขวด-กระป๋อง-โลจิสติกส์” ไม่ไหว ค่ายยักษ์ไทยเบฟฯส่งเหล้าขาวกรุยทาง คาดเหล้าสีตามมาอีกในไม่ช้า “ไฮเนเก้น-สิงห์-ลีโอ” จ่อขยับตาม ยี่ปั๊วซาปั๊วเร่งสต๊อกจ้าละหวั่น โรงงานผลิตไม่ทัน   เหล้าขาวขึ้นราคากรุยทาง แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัทผู้ค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ภาคอีสานเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสุรารายใหญ่ได้เริ่มทยอยแจ้งการปรับขึ้นราคาสินค้าไปยังคู่ค้ารายต่าง ๆ โดยเริ่มจากกลุ่มสุราขาว โดยในส่วนของสุราขาวขวดเล็กปรับขึ้นอีก 120 บาท/ลัง (24 ขวด) จากเดิมประมาณ 1,242 บาท โดยราคาใหม่นี้จะเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้เป็นต้นไป ส่วนสุราขาวขวดใหญ่ปรับขึ้นอีกลังละ 54 บาท/ลัง (12 ขวด) จากเดิมที่ราคาอยู่ที่ระดับ 1,158 บาท ซึ่งมีผลตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากเหล้าเบียร์ขึ้นราคาแล้ว ส่วนราคาปลายทางถึงผู้บริโภคจะปรับขึ้นเป็นเท่าไหร่ ตอนนี้อาจจะยังไม่ชัดเจน อย่างน้อยที่สุดก็จะปรับตามราคาขายส่งที่เพิ่มขึ้น แต่ในทางปฏิบัติจริงการขายปลีกปลายทางอาจจะบวกขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เช่น เหล้าขาวราคาขายปลีกต่อขวดอาจจะต้องเพิ่มอีก 6-8 บาท หรือเบียร์อาจจะเพิ่มอีกกระป๋องละ 2-3 บาท “ขณะนี้ตลาดเริ่มรับรู้การขึ้นราคาเหล้าขาวแล้ว และคาดว่าอีกไม่นาน เหล้าสีและเบียร์ก็คงจะมีการปรับขึ้นราคาตามมา เพราะปกติตลาดเหล้าเบียร์ก็จะเป็นเช่นนี้ เมื่อเหล้าขาวขึ้นราคา เหล้าสี-เบียร์ก็จะขึ้นราคาตามมาในไม่ช้าตอนนี้ในตลาดเกิดความปั่นป่วนในระดับหนึ่ง เนื่องจากมียี่ปั๊วซาปั๊วหลาย ๆ รายที่เริ่มทยอยสั่งสินค้ามาสต๊อกไว้ บางรายก็เริ่มปรับขึ้นราคาสินค้าที่มีอยู่เล็ก ๆ น้อย ๆขณะที่โรงงานบางโรงก็จะมีการกำหนดเพดานการซื้อ และจะรับออร์เดอร์โดยพิจารณาจากประวัติการสั่งซื้อและยอดขายประกอบ เพื่อไม่เปิดโอกาสให้เก็งกำไรกันมากนัก” เช่นเดียวกับร้านค้าส่งเบียร์รายใหญ่ในจังหวัดปทุมธานีกล่าวในเรื่องนี้ หลังจากที่มีกระแสข่าวการปรับขึ้นราคาเหล้าเบียร์ออกมาเมื่อสัก 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายของร้านเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก บางช่วงถึงขนาดไม่มีของขาย โดยเฉพาะเบียร์ลีโอ แม้จะส่งออร์เดอร์ไปแต่โรงงานก็ไม่สามารถผลิตได้ทัน และมีการกำหนดเพดานการซื้อในแต่ละครั้ง ขณะที่เจ้าของร้านยี่ปั๊วเหล้า-เบียร์รายหนึ่งย่านบางนา กรุงเทพฯ ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมากลุ่มสุราขาวได้มีการประกาศปรับราคาขึ้นดังกล่าวแล้ว แต่สำหรับในส่วนสุราสีของค่ายไทยเบฟฯ (แม่โขง แสงโสม หงส์ทอง มังกรทอง) หรือสุราผสม (เบลนด์ 285) ยังไม่ได้มีการแจ้งการปรับราคา แต่ก็คาดว่าจะมีการแจ้งราคาใหม่มาในเร็ว ๆ นี้ และมีเพียง รีเจนซี่ (บริษัท โรงงานสุราพิเศษสุวรรณภูมิ) ที่ได้ทยอยปรับราคามาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เฉลี่ย 10 บาทต่อขวด และล่าสุดได้รับแจ้งจากสายส่งว่าจะมีการปรับขึ้นอีกระลอกในสัปดาห์หน้า ประมาณ 10 บาท ซึ่งจะทำให้ตลอดช่วงเกือบ 1 เดือนนี้ รีเจนซี่มีการปรับขึ้นราคาแล้ว 30 บาท จากปัญหาต้นทุนการขนส่งที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ส่วนเบียร์ ที่ผ่านมาก็ได้เริ่มมีการปรับราคากันไปบ้างแล้วในอัตราที่ไม่มากนัก เช่น อาชา และช้าง โคลด์ บรูว์ (บริษัทไทยเบฟเวอเรจ) และผู้บริโภคอาจจะไม่ค่อยรับรู้นัก เนื่องจากทั้ง 2 แบรนด์เป็นแบรนด์เล็ก ส่วนช้าง คลาสสิก ยังไม่ขึ้น แต่ก็คาดว่าจะมีการแจ้งปรับราคามาในเร็ว ๆ นี้” ค่ายเบียร์แจงเหตุต้นทุนพุ่ง นายปริญ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัดผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ไฮเนเก้น, ไทเกอร์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ภาพรวมของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เริ่มค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย แต่จากปัญหาเรื่องต้นทุนการดำเนินงานต่าง ๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลก วัตถุดิบต่าง ๆ โดยเฉพาะมอลต์ที่เป็นวัตถุดิบหลักที่ต้องนำเข้า รวมทั้งแพ็กเกจจิ้ง (กระป๋อง) ขวดแก้ว ฯลฯ ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องมีการปรับขึ้นราคา อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นประเมินว่าการปรับขึ้นราคาครั้งนี้ แต่ละค่ายอาจจะปรับขึ้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยในเรื่องของต้นทุนและกลยุทธ์การตลาดของแต่ละค่ายเป็นสำคัญ โจทย์หลักของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปีนี้คือ การบริหารจัดการต้นทุนให้ดีที่สุด เพื่อยันราคาสินค้าให้นานที่สุด เพราะหากมีการปรับขึ้นราคามากเกินไปก็จะส่งผลกระทบกับยอดขายตามมาได้ “การปรับขึ้นราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นับจากนี้จะเป็นไปในทิศทางอย่างไรต่อไป หรือจะส่งผลกระทบต่อตลาดหรือไม่นั้น โดยส่วนตัวมองว่ายังเป็นเรื่องที่ยากจะประเมิน เพราะเรื่องของต้นทุนที่ยังไม่นิ่ง ขณะที่ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อก็ยากที่จะคาดเดา ซึ่งคงต้องรอดูทิศทางอีก 3-6 เดือนข้างหน้าว่าปัจจัยลบต่าง ๆ เหล่านี้จะมีสถานการณ์เป็นเช่นไร ซึ่งหากราคาต้นทุนยังพุ่งสูงในระยะยาว แน่นอนว่าย่อมได้เห็นการปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แหล่งข่าวจากบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์สิงห์ เบียร์ลีโอ กล่าวในเรื่องนี้เพียงสั้น ๆ ว่า ที่ผ่านมามีกระแสข่าวการปรับราคาเบียร์ในตลาดมาอย่างต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้สูง คาดการณ์ที่ค่ายเบียร์อาจจะต้องปรับราคาขึ้นบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ประกอบการทุกค่ายประสบกับปัญหาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของราคาน้ำมัน ปัญหาการขาดแคลนกระป๋องทั่วโลกที่ทำให้ราคาแพงขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่แต่ละค่ายจะปรับขึ้นราคามากน้อยแค่ไหนนั้นยังไม่มีความชัดเจนนัก แต่คาดว่าน่าจะเป็นต้นเดือนมีนาคมเป็นต้นไป คราฟต์เบียร์ไม่ขึ้นไม่ไหว นายอาชิระวัสส์ วรรณศรีสวัสดิ์ กรรมการ บริษัท ไอเอสทีบี จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเบียร์คราฟต์เบียร์“ไลเกอร์” “อัลเลมองท์” กล่าวในเรื่องนี้ว่า ปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมถึงค่าขนส่ง (ชิปปิ้ง) ที่ปรับสูงขึ้น 3-4 เท่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทบไปทั่วโลก ทำให้ต้นทุนการนำเข้าพุ่งขึ้นมากกว่า 10% และส่งผลต่อการนำเข้าคราฟต์เบียร์ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสินค้าเดิมยังมีอยู่ในสต๊อกจำนวนหนึ่ง ผู้ประกอบการจึงยังไม่มีการปรับราคา แต่ปีนี้หากสินค้าดังกล่าวหมดลง และมีการนำเข้าสินค้าลอตใหม่ คาดกว่ากลุ่มคราฟต์เบียร์จะเริ่มทยอยปรับขึ้นราคา “นอกจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวแล้วที่ผ่านมา ผู้นำเข้าคราฟต์เบียร์ยังต้องแบกรับภาระในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน จากค่าเงินบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็น 33-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องมีการปรับขึ้นราคา ตอนนี้เริ่มเห็นสินค้าลอตใหม่ที่มีการทยอยปรับราคา บางแบรนด์ต้องปรับจาก 75 บาท เป็น 99 บาทแล้ว และหลาย ๆ แบรนด์ก็เตรียมจะทยอยปรับราคา ส่วนจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับต้นทุนจากแต่ละประเทศ” ปรับราคายกแผง-เริ่มมีนาฯนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ มีความเคลื่อนไหวในการแจ้งปรับราคาไปยังคู่ค้าต่าง ๆ เช่น ไฮเนเก้น อาทิ ขวดใหญ่ ปรับขึ้นลังละ 48 บาท จากเดิม 805 เป็น 853 บาท ขณะที่กระป๋อง และขวดเล็ก ปรับขึ้นแพ็กละ 92 บาท จากเดิม 940 เป็น 1,032 บาท ส่วนกระป๋องยาว ปรับขึ้นแพ็กละ 49 บาท จากเดิม 690 บาท เป็น 739 บาท และไฮเนเก้น 0.0 (ไม่มีแอลกอฮอล์) ปรับขึ้นลังละ 70 บาท จากเดิม 830 เป็น 900 บาท และมีผลตั้งแต่ 1 มีนาคม เป็นต้นไป โดยก่อนหน้านี้ ค่ายไทยเบฟเวอเรจ เจ้าของเหล้าขาว-เหล้าสีรายใหญ่ และเบียร์ช้าง ได้แจ้งปรับราคา อาทิ ช้างโคลด์ บรูว์ จาก 620 บาท/ลัง เป็น 633 บาท เช่นเดียวกับถาด (24 กระป๋อง) ที่ปรับจาก 490 บาท เป็น 503 บาท ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังระบุว่า สำหรับในส่วนของช้าง คลาสสิก จะปรับราคาขึ้นช่วงต้นเดือนมีนาคม และจะมีการแจ้งราคาใหม่มาอีกครั้งหนึ่ง จากการสำรวจร้านค้าส่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายหนึ่งในย่านลาดพร้าวได้รับการยืนยันจากเจ้าของร้านว่า ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา (7-11 กุมภาพันธ์) บริษัทผู้จัดจำหน่ายกลุ่มสุราขาวรายใหญ่ได้มีการแจ้งการปรับขึ้นราคา อาทิ สุราขาวขวดใหญ่ (625 มล.) มีการปรับขึ้นราคาจาก 100 บาท เป็น 110 บาท เป็นต้น ขอขอบคุณข่าวสารและบทความจาก : https://www.prachachat.net/marketing/news-868775 / ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
อ่านเพิ่มเติม

เปิดสถิติ“แรงงานไทย”พบ5.3แสนคนทำงานน้อยกว่า1ชั่วโมงต่อสัปดาห์

เปิดสถิติ “แรงงานไทย” พบ 5.3 แสนคน ทำงานน้อยกว่า 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำนักงานสถิติเปิดเผยข้อมูลสถานการณ์แรงงานไตรมาส 4 ปี 64  ผู้เสมือนมีแนวโน้มการว่างงานเพิ่มขึ้น ผู้ทำงานต่ำกว่า 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพิ่มมีมากถึง 5.3 แสนราย สถานการณ์การว่างงานมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น ผู้ว่างงานลดลงจาก 8.7 แสนคน ในไตรมาส 3 เหลือ 6.3 แสนคนในไตรมาส 4 นางปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยผลสำรวจภาวะการทำงานของประชากร ไตรมาส 4 ปี 2564 และตัวชี้วัดด้านแรงงานที่สำคัญ ว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โครงสร้างตลาดแรงงานไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากผู้ประกอบการลดการจ้างแรงงานลงและเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีมากขึ้น แรงงานถูกเลิกจ้างหรือถูกพักงานโดยไม่มีรายได้หรือลดรายได้จากการลดจำนวนชั่วโมงการทำงาน รวมถึงแรงงานที่จบการศึกษาใหม่ๆ มีแนวโน้มที่จะประกอบอาชีพอิสระมากขึ้น  สำนักงานสถิติแห่งชาติติดตามสถานการณ์แรงงานอย่างต่อเนื่อง โดยลงพื้นที่สำรวจภาวะการทำงานของประชากรทั่วประเทศ ซึ่งข้อมูลจากการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เป็นข้อมูลดัชนีชี้วัดตลาดแรงงานที่สำคัญ เช่น การมีส่วนร่วมของกำลังแรงงาน การจ้างงาน และผลิตภาพแรงงาน เป็นต้น จากผลสำรวจพบว่าโครงสร้างกำลังแรงงานไตรมาส 4 ปี 2564 ประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป 57.2 ล้านคน เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 38.6 ล้านคน และในจำนวน 38.6 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 37.9 ล้านคน (ไตรมาส 3 จำนวน 37.7 ล้านคน) ผู้ไม่มีงานทำ 6.3 แสนคน (ไตรมาส 3 จำนวน 8.7 แสนคน)  และเป็นผู้รอฤดูกาลประมาณหนึ่งแสนคน ส่วนผู้ที่ไม่อยู่ในกำลังแรงงาน มีจำนวน 18.5 ล้านคน โดยอัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานไตรมาส 4 ปี 2564 คือ 67.6% สถานการณ์แรงงานไตรมาส 4 ปี 2564 มีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2564 ภายหลังจากมาตรการด้านโควิดของรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายขึ้น แรงงานมีงานทำมากขึ้น และมีการเคลื่อนย้ายแรงงานกลับเข้ามาสู่ภาคการบริการและการค้า และภาคการผลิต อัตราการมีงานทำอยู่ที่ 66.3% โดยส่วนใหญ่ทำงานในภาคการบริการและการค้า (45.1%) รองลงมาคือ ภาคเกษตรกรรม และภาคการผลิต ตามลำดับ (33.2% และ 21.6%) อาชีพกลุ่มผู้ปฏิบัติงานที่มีฝีมือในด้านการเกษตร ป่าไม้ และประมง เป็นกลุ่มอาชีพที่มีอัตราการมีงานทำมากที่สุด รองลงมาคือ พนักงานบริการและผู้จำหน่ายสินค้า เมื่อวิเคราะห์เชิงลึก พบว่า อาชีพกลุ่มผู้ปฏิบัติงานที่มีฝีมือในด้านการเกษตร ป่าไม้ และประมง มีอัตราการมีงานทำสูงที่สุด  ทั้งนี้เป็นการทำงานที่มีจำนวนชั่วโมงการทำงานในรอบสัปดาห์ที่น้อยกว่า 10 ชั่วโมง (49.3%) และน้อยกว่า 1 ชั่วโมง (39.8%)  คิดเป็นจำนวนแรงงานกว่า 5.3 แสนคน มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับอาชีพกลุ่มอื่น สำหรับกลุ่มอายุที่มีงานทำสูงสุด 3 ลำดับแรก คือ ผู้ที่มีอายุระหว่าง 45-54 ปี 35-44 ปี และ 25-34 ปี ตามลำดับ โดยอัตราการมีงานทำอยู่ระหว่าง 21 – 24% ในขณะที่การมีงานทำของเยาวชนหรือผู้ที่มีอายุ 15-24 ปี อัตราการมีงานทำประมาณ 9% “แนวโน้มผู้เสมือนว่างงานมีจำนวนเพิ่มขึ้น สำหรับกลุ่มผู้ที่มีงานทำภาคเกษตรกรรม 0-20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และกลุ่มผู้ที่มีงานทำนอกภาคการเกษตรกรรม 0-24 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เรียกว่า ผู้เสมือนว่างงาน จากผลสำรวจในไตรมาส 4 ปี 2564 มีจำนวน 2.6 ล้านคน เพิ่มจากไตรมาส 3 ปี 2564 สองแสนหกหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอาชีพในกลุ่มผู้ปฏิบัติงานที่มีฝีมือในด้านการเกษตร ป่าไม้ และประมง ซึ่งคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะเป็นผู้ว่างงานในอนาคตได้” เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงระหว่างไตรมาสเพื่อศึกษาและวิเคราะห์สถานการณ์การเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างภาคอุตสาหกรรมนั้น จะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงจำนวนผู้มีงานทำภาคการบริการและการค้า และภาคการผลิตระหว่างไตรมาส 3 และ 4 ปี 2564 มีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น คือ 1.3% และ 0.6% ตามลำดับ ในขณะที่ภาคเกษตรกรรมมีอัตราการเปลี่ยนแปลงของผู้มีงานทำลดลง (-0.7%) และเมื่อเปรียบเทียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้า (ไตรมาส 4 ปี 2563) พบว่า ผู้มีงานทำในภาคการบริการและการค้า และภาคการผลิต มีอัตราเปลี่ยนแปลงผู้มีงานทำลดลง (-1.2% และ -4.0%) ผู้มีงานทำในไตรมาส 4 ปี 2564 ที่มีจำนวนชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ 35-49 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และ 50 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2563 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เมื่อพิจารณาชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ของผู้มีงานทำน้อยกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ พบว่า มีจำนวน 6.95 ล้านคน เป็นกลุ่มไม่ประสงค์ทำงานเพิ่ม 6.51 ล้านคน และประสงค์ทำงานเพิ่ม 0.44 ล้านคน สำหรับผู้ที่มีจำนวนชั่วโมงทำงานน้อยกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์และประสงค์ที่จะทำงานเพิ่มนั้น เรียกว่า ผู้ทำงานต่ำระดับด้านเวลา คิดเป็น 1.2 % ส่วนผู้ที่ทำงานน้อยกว่า 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (โอกาสเป็นผู้ว่างงานแฝง) คิดเป็นร้อยละ 1.9 ส่วนสถานการณ์การว่างงานมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น ผลสำรวจพบว่า ผู้ว่างงานลดลงจาก 8.7 แสนคน      ในไตรมาส 3 เหลือ 6.3 แสนคนในไตรมาส 4 เป็นผลต่อเนื่องมาจากมาตรการภาครัฐที่เกี่ยวข้องในด้านต่างๆ รวมถึงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศในพื้นที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสำคัญๆ โดยระยะการว่างงานของ     ผู้ว่างงาน ประมาณ 62% เป็นการว่างงานระยะกลาง และเป็นการว่างงานของเยาวชนมากที่สุด ในจำนวนผู้ว่างงานทั้งหมด แบ่งเป็นผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนจำนวน 3.8 แสนคน และไม่เคยทำงานมาก่อน 2.5 แสนคน โดยผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน มีแนวโน้มว่าจะเป็นนักศึกษาจบใหม่ โดยจากสถิติการศึกษาในแต่ละปีมีผู้สำเร็จการศึกษาในทุกระดับประมาณสามแสนคน และเมื่อสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมในการหางาน หรือสมัครงานของ    ผู้ว่างงานทั้งที่เคยทำงานก่อน และไม่เคยทำงานมาก่อน พบว่าในช่วง 8-30 วันที่ผ่านมา มีการหางานและสมัครงาน ประมาณร้อยละ 50 (ไม่เคยทำงานมาก่อน 54.5% เคยทำงานมาก่อน 46.9%) อย่างไรก็ตามปัญหาการว่างงานระยะยาว ยังต้องจับตามอง ปัญหาการว่างงานระยะยาว หรือ การว่างงานที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่สะท้อนระดับปัญหาการว่างงานของประชากร โดยในไตรมาส 4 อัตราการว่างงานระยะยาวในสัดส่วนที่สูง คือ 0.4 % ในขณะที่ไตรมาส 3 อยู่ที่ 0.2 % นอกจากนี้ ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าส่วนใหญ่การว่างงานระยะยาวเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุ 15-24 ปี รองลงมา คือ ผู้ที่มีอายุ 25-34 ปี
อ่านเพิ่มเติม

กรมอนามัยเตือนขนมหวานช่วงวาเลนไทน์พลังงานสูงเสี่ยงโรคแนะทำขนมเอง-บริโภคแต่พอดี

กรมอนามัยเตือน ขนมหวานช่วงวาเลนไทน์พลังงานสูงเสี่ยงโรค แนะทำขนมเอง-บริโภคแต่พอดี . นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เทศกาลวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก คู่รักหลายคู่อาจเตรียมมอบของขวัญแทนใจให้แก่กัน นอกจากดอกไม้แล้ว ส่วนใหญ่มักจะเป็นขนมหวาน เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนความหวาน ความสุข ความรัก ซึ่งขนมหวานยอดนิยมที่ถูกนำมามอบให้แก่กัน ได้แก่ . 1. ช็อกโกแลต 1 ชิ้นคำ ขนาด 10 กรัม ให้พลังงานประมาณ 50 กิโลแคลอรี 2. คุกกี้ 1 ชิ้น ขนาด 10 กรัม ให้พลังงานประมาณ 50 กิโลแคลอรี 3. สตรอว์เบอร์รีเคลือบช็อกโกแลต 1 ชิ้น ขนาด 35 กรัม ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี 4. คัพเค้ก 1 ชิ้น ขนาด 60 กรัม ให้พลังงานประมาณ 130 กิโลแคลอรี 5. บราวนี 1 ชิ้น ขนาด 60 กรัม ให้พลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี . แต่เนื่องจากขนมเหล่านี้ให้พลังงานค่อนข้างสูง อีกทั้งความหวานที่ได้จากน้ำตาลที่เพิ่มลงไปนั้นจัดเป็นอาหารที่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์น้อย (Empty Calories) หากกินโดยไม่มีการควบคุมบ่อยๆ เป็นระยะเวลานาน จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ไม่เหมาะสม และอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วนในระยะยาวได้ . ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าใน 1 วัน ไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม เพื่อไม่ให้ได้รับพลังงานจากน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งพลังงานจากอาหารว่าง ขนม และเครื่องดื่ม ไม่ควรเกินวันละ 150-200 กิโลแคลอรีต่อวัน ดังนั้นหากกินช็อกโกแลต คุกกี้ สตรอว์เบอร์รีเคลือบช็อกโกแลต ไม่ควรเกินวันละ 3-4 ชิ้น ส่วนคัพเค้กและบราวนีไม่ควรมากกว่า 1 ชิ้น . “หากสามารถทำขนมเองได้ แนะนำให้เลือกสูตรหวานน้อย และเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการด้วยใยอาหารจากธัญพืชต่างๆ หรือผลไม้รสไม่หวานจัด สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อขนมมากินเองหรือเป็นของขวัญ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกเพื่อสุขภาพ และควรปรับพฤติกรรมการกิน โดยค่อยๆ ลดความหวานลง และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำด้วย” นพ.สุวรรณชัยกล่าว
อ่านเพิ่มเติม

โรงเรียนอัสสัมชัญสร้างแหล่งการเรียนรู้ในMetaverseเปิดมิติใหม่แห่งการศึกษา

โรงเรียนอัสสัมชัญ สร้างแหล่งการเรียนรู้ใน Metaverse เปิดมิติใหม่แห่งการศึกษา ล่าสุด โรงเรียนอัสสัมชัญ เปิดตัว “AC Metaverse” หรือโรงเรียนอัสสัมชัญในโลกเสมือน เปิดมิติใหม่ให้กับวงการการศึกษาไทย ให้นักเรียนสามารถเรียนวิชาต่าง ๆ ในโลก Metaverse ได้ โดยตัวเซิร์ฟเวอร์ จะเปิดให้เข้าใช้งานวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นี้ ซึ่งเป็นวันคล้ายสถาปนาโรงเรียนอัสสัมชัญ ผ่านทาง Minecraft Java Edition เวอร์ชัน 1.17.1 > https://acvirtuals.com ทั้งนี้ AC Metaverse สร้างและพัฒนาขึ้นมาบนเกม Minecraft โดยนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โดยใช้เวลาพัฒนา 1 เดือน ในช่วงที่โรงเรียนเปิดเรียนแบบ Online โดยโรงเรียนอัสสัมชัญในโลกเสมือนนี้ จะทำให้ผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากมายในหลากหลายพื้นที่ภายในโรงเรียน อาทิ  - มีพื้นที่จัดแสดงผลงาน NFT ของนักเรียน และผู้เข้าชมสามารถซื้อประมูลผลงานผ่านแพลตฟอร์ม OpenSea ได้ - แหล่งเรียนรู้แบบ Self-learning ในห้องเรียน อาคารเรียน แหล่งเรียนรู้พิพิธภัณฑ์โรงเรียน และสถานที่สำคัญตามเส้นทางถนนเจริญกรุง - AC Virtual Store ร้านขายสินค้าของโรงเรียน และผลิตภัณฑ์จากนักเรียน Young Business AC  - พื้นที่ FreeSpace ให้นักเรียนสามารถจองพื้นที่ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ บน AC Metaverse ได้  - พื้นที่สันทนาการต่าง ๆ ในโรงเรียน ให้นักเรียนสามารถเล่นกิจกรรม Mini Game ได้  เช่น PVP, เตะฟุตบอล, ว่ายน้ำ, การหา Easter Egg และไอเทมลับที่ซ่อนอยู่บริเวณโรงเรียน - การแข่งขัน Esports ประจำเดือน ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขัน PVP, PARKOUR, BUILD BATTLE พร้อมกับลุ้นชิงรางวัล ทั้งในรูปแบบเงินสด และคริปโท  และนอกจากนี้ ก็ยังมี “Education in Minecraft” ที่เป็นแหล่งการเรียนรู้ด้วยตนเองกว่า 10 วิชา โดยแต่ละวิชานักเรียนจะต้องทำภารกิจตามที่กำหนด เพื่อเรียนรู้ในรายวิชานั้น ๆ แต่สำหรับพื้นที่ใน Minecraft Education ผู้ที่เข้าใช้งานได้จะต้องเป็นนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ ที่มีบัญชีอีเมลของโรงเรียนเท่านั้น และหากยังจำกันได้ เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โรงเรียนอัสสัมชัญ ก็ได้จับมือกับ Bitkub แพลตฟอร์มซื้อ-ขายคริปโทสัญชาติไทย เพื่อเปิดหลักสูตรบล็อกเชน-คริปโทให้กับนักเรียน เรียกได้ว่าโรงเรียนอัสสัมชัญ เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ก้าวไปพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เด็ก ๆ ยุคใหม่ สามารถก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว.. อ้างอิง: -https://www.facebook.com/AssumptionCollege1885  -http://mc.acvirtuals.com/?fbclid=IwAR0bI46IumuRKTh--jQN5XA1hvGarbkWRWIr6D4w6XJ_4JrsPKsq0D8Dwxs  - https://www.marketthink.co/23058
อ่านเพิ่มเติม

กนง.คาดเศรษฐกิจไทยขยายตัว3.4%ในปี65

กนง. คาด เศรษฐกิจไทย ขยายตัว 3.4% ในปี 65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2564 ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยกนง.มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน และ 22 ธันวาคม 2564 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ควรติดตามการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะต่อไป ซึ่งกนง.เห็นว่าควรคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ เนื่องจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่อง จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ และได้คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่เพิ่มขึ้นชั่วคราว จากปัจจัยด้านอุปทาน จะคลี่คลายภายในปี 2565 แต่ยังต้องติดตามพัฒนาการของเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด วนจำนวนนักท่องเที่ยวคาดว่าปี 2565 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว 5.6 ล้านคน และปี 2566 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 20 ล้านคน ด้านการบริโภคภาคเอกชนปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.6 และปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.8 ส่วนการลงทุนภาคเอกชนปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.4 และปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 5 นอกจากนี้กนง.ยังได้คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย โดยในปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.4 และปี 2566 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.7 จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ขณะที่มูลค่าการส่งออกในปี 2565 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 3.51 และปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.9
อ่านเพิ่มเติม
Top