Blog

Blog

พฤติกรรมเปลี่ยนไปการตลาดที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามยุคดิจิทัล

พฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนไป ใช้ดิจิทัลเพื่อความบันเทิงน้อยลง เพราะใช้หาเงินมากขึ้น   เปลี่ยนไปเพราะอะไร ทุกท่านคงทราบกันดี ว่าพฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนไปในการใช้สื่อ การทำงานผ่านช่องทางต่างๆ พฤติกรรมการใช้จ่าย การหางานก็เปลี่ยนไป การเว้นระยะห่างทางสังคม การใส่หน้ากากอนามัย เพื่อลดการติดต่อกัน จนเกิดความกังวลหลายๆเรื่อง ทั้งเด็กจบใหม่ที่กลัวการตกงานและอัตราการจ้างงานน้อยลง ผู้สูงอายุก็กลัวการติดเชื้อเพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อได้มากที่สุด เราจะยกตัวอย่างพฤติกรรมของไทยที่เปลี่ยนไป ในยุคดิจิทัลและสถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่คาดคิด   เราใช้สื่อดิจิทัลในการเสพสื่อบันเทิงน้อยลง ใช้หารายได้เพิ่มขึ้น สื่อสังคมออนไลน์ และสื่อดิจิทัลต่างๆ มีบทบาทในการสื่อสารของสังคมไทย จากที่เดิมเราจะเล่นสื่อสังคมออนไลน์เพื่อความบันเทิง และความสนุกพักผ่อนเท่าไร แต่ในยุคนี้ เราเปลี่ยนพฤติกรรม พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ในการหารายได้ เพิ่มรายได้ หางานเงินผ่านช่องทางเหล่านี้มากขึ้น และเพื่อความอยู่รอด นักศึกษาจบใหม่หลายๆคนก็เลือกที่จะอยู่ภูมิลำเนาของตน หางาน ทำงานในพื้นที่มากขึ้น หรือหารายได้เสริมจากการขับรถส่งอาหาร จากหลากหลายแบรนด์ที่กำลังเติบโต แถมยังมีรายได้ดี อีกกลุ่มก็เริ่มขายของออนไลน์ ไลฟ์ขายของ ทำอาหารส่ง ทำขนม หรือขายสินค้าต่างๆ ซึ่งข้อมูลจาก Wisesight พบกว่าเมื่อช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นมา มีการไลฟ์เยอะมากขึ้น และถึงแม้จะผ่านไปการไลฟ์จะลดน้อยลงแต่ก็ยังสูงกว่าก่อน โควิด-19 ดังนั้นนี่คือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างถาวร   Twitter มาแรงกว่าที่คิดในการค้าขาย เมื่อ Facebook เริ่มมีการกระแสที่ผู้บริโภคเริ่มมีความกังวลเรื่องข้อมูลการนำเสนอที่จะถูกปิดกั้นก่อนที่จะถึงผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคมองหาช่องทางการสื่อสารใหม่ๆ ที่รวดเร็วและได้ผล Twitter จึงตอบโจทย์ทั้งในแง่ของความเร็ว และความสามารถในค้นหาข่าวผ่านแฮชแท็กที่อยากรู้ได้   บทความภาษาถิ่นได้รับความนิยมมากขึ้น Content ที่เป็นภาษาท้องถิ่นได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และใช้นักแสดงที่เป็นลูกหลานของจังหวัดนั้นๆ รวมถึงได้โชว์ภาษาถิ่นอัตลักษณ์ของตนเองออกมาทำให้ผู้บริโภคยิ่งรัก ยิ่งชอบ ในช่วง 2-3 เดือนหลังมานี้ เริ่มเห็นเพลงลูกทุ่งหรือเพลงที่มีภาษาถิ่นได้รับความนิยมมาก และถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ใช่ภาษาถิ่นจะยิ่งชอบมากขึ้น อีกสิ่งที่พบคือ ผู้บริโภคกระโดดมาดูคอนเทนต์บนแอปพลิเคชันมากขึ้น และดูแบบ Cross content คือดูคอนเทรนต์ของไทยแล้วดูคอนเทนต์ของต่างชาติต่อ ปัจจุบันนักการตลาดที่จะผลิตคอนเทรนต์มาสักชิ้นจะต้องมีความพิเศษมากๆ ที่จะให้คนเกาะติดได้ และทำให้แตกต่างให้ได้   การหางานในยุคดิจิทัล ผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตต่อเนื่อง การพัฒนาระบบการหางานออนไลน์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในหลายๆเว็บไซต์ก็มีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ถึงแม้ตำแหน่งงานในช่วงเวลาดังกล่าวจะน้อยลง แต่ก็ยังมีผู้สมัครงานหางานผ่านทุกช่องทาง เว็บหางานออนไลน์จึงจำเป็นต้องมีความพร้อมผ่านทุกช่องทาง แอปพลิเคชัน หน้าเว็บไซต์ ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ และรูปแบบการสัมภาษณ์งานที่เปลี่ยนไป เพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม ผู้ประกอบการ ก็มีสิทธิเลือกคุณสมบัติผู้สมัครงานมากขึ้น อารมณ์ว่า ถ้าไม่ดีจริงเราก็รอหาคนใหม่ได้ ไม่ได้รีบร้อนเหมือนก่อนสถานการณ์ระบาด จึงเป็นตัววัดว่าเราต้องเก่งจริงมีทัศนคติดีกว่าถึงจะมีงานในยุคดิจิทัลแบบนี้   นี้เป็นสิ่งทีเปลี่ยนไปในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าอย่างไรมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อความอยู่รอด และการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ยุคปัจจุบันเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง เพื่อเพิ่มโอกาสในการใช้ชีวิตต่อไป   บทความโดย : พงศิษฐ์ ด่านประเสริฐกุล ขอขอบคุณบทความข่าวบางส่วน : positioningmag.com
อ่านเพิ่มเติม

คนทำงานต้องปรับตัวหากยังมีการระบาดต่อเนื่อง

WHO คาดผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ทะลุ 2 ล้านราย   จากสถานการณ์ การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลไปทั่วโลกไม่ใช่แค่เฉพาะประเทศไทย ในประเทศถึงแม้การระบาดจะมีการควบคุมสถานการณ์ได้บางในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจภายรวม ทั้งการจ้างงาน การค้าขาย การท่องเที่ยว ทุกระบบ โดยเฉพาะสถานการณ์การจ้างงานที่มีอัตราน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และยังเป็นสัญญาณว่ายุคดิจิทัลเต็มรูปแบบมาเร็วกว่าที่คิด แรงงานผู้สมัครงาน คนหางาน ที่ผู้ประกอบการต้องการ ก็จะเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง ทำงานได้หลายด้าน มีความรู้ความเข้าใจระบบดิจิทัล เพราะทุกส่วนงานต้องปรับตัวในการทำงานภายในองค์กร หากผู้สมัครงานใดมีทักษะ ทั้งการใช้ชีวิต ทัศนคติที่ดี บวกกับความรู้ความสามารถในหลายมิติก็มีโอกาสได้งานในยุคนี้ ตำแหน่งงานรับเยอะในช่วงนี้มาแรงมาก อาทิ การขาย การตลาด วิศวกร ไอที โปรแกรมเมอร์ ขนส่ง และการตลาดดิจิทัล เป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังมีตำแหน่งงานระดับสูงที่เป็นที่ต้องการ ถึงระดับผู้อำนวยการฝ่าย ผู้จัดการฝ่าย ทั้งระบบองค์รและภาคการผลิตอุตสาหกรรม ผู้สมัครงาน ต้องเตรียมความพร้อม ทักษะที่จำเป็นเพื่อให้ได้งานในยุคโควิดแบบนี้ให้ได้ และต้องรู้จักเรียนรู้นวัตกรรมใหม่ๆเพื่อนำไปต่อยอดประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพราะขณะที่ผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากไวรัส COVID-19 กำลังจะทะลุ 1 ล้านคน องค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า มีความเป็นไปได้ ที่ผู้เสียชีวิตจะเพิ่มเป็น 2 เท่า หากประเทศต่างๆ ไม่ดำเนินการในการปราบปรามการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างสม่ำเสมอ   นับตั้งแต่ปลายปีที่แล้วที่พบเชื้อไวรัสนี้ที่ประเทศจีน ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อมากว่า 32 ล้านคนทั่วโลก และคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วไม่น้อยกว่า 983,000 คน อย่างไรก็ตาม ดร.ไมเคิล ไรอัน ศัลยแพทย์และนักระบาดวิทยา องค์การอนามัยโลก กล่าว่า มีความเป็นได้ที่จะมีผู้เสียชีวิต กว่า 2 ล้านคน ก่อนที่วัคซีน COVID-19 จะพร้อมใช้งานหากผู้นำระดับโลกไม่ดำเนินมาตรการช่วยชีวิตให้ดีขึ้น รวมถึงการพัฒนาลักษณะและขนาดความเข้มข้นของความร่วมมือ หากไม่มีวัคซีนภายใน 9 เดือนข้างหน้านี้ มีสิทธิที่จะทะลุ 2 ล้านคนทั่วโลก   เราต้องให้ความร่วมมือกัน แม้ในประเทศไทยก็พบว่า ประชาชนทั่วไทยก็เริ่มไม่ระมัดระวังตัวในการใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ ซึ่งอาจเป็นอันตรายและการแพร่กระจายเชื้อได้หากมีคนติดเชื้อหลุดเข้าประเทศมา และจะมีผลกระทบระลอก 2 ส่งผลกระทบทั้งระบบเศรษฐกิจ การหางาน การทำงานของพวกเราเอง ปลอดภัยไว้กันนะครับ เพราะเราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน   บทความโดย : พงศิษฐ์ ด่านประเสริฐกุล
อ่านเพิ่มเติม

การพัฒนาตัวเองและเตรียมความพร้อมในการทำงานในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ

คนทำงานต้องปรับตัวอย่างไร หากมีการระบาดอีกครั้ง โควิด-19   ในสถานการณ์ที่อ่อนไหวแบบนี้กับสถานการณ์โควิด-19 ที่อยู่ๆก็มีบุคคลภายในประเทศติดเชื้ออีกครั้ง ทำให้องค์กรและภาคธุรกิจกลับมาระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม เราต้องยอมรับว่าในช่วงนี้ที่สถานการณ์เหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ในสภาวะการจ้างงานก็ยังมีความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่องค์กรระดับใหญ่ของประเทศ หรือองค์กรระดับกลาง ไปถึงองค์กรระดับเล็กๆ ที่ปิดกิจการไปจำนวนมาก แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรผู้สมัครงานหรือคนหางาน ก็ต้องปรับตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีทำงาน การพัฒนาตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้อยู่รอดในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ทางกลับกันถ้าหากองค์กรดูแลพนักงานไม่ดี คิดแต่ผลประโยชน์ที่จะได้รับโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของพนักงานซึ่งมีส่วนในการขับเคลื่อนองค์กรได้ พนักงานเก่งๆอาจจะทิ้งองค์กรเหล่านั้นเพื่อไปหาสวัสดิการในการชีวิตที่ดีกว่า เพราะเห็นได้ชัดว่าหลายๆองค์กรอาศัยในสถานการณ์นี้เลิกจ้างพนักงานออกเป็นจำนวนมากคิดเพียงแค่ว่า อยากลดอัตราค่าใช้จ่ายในองค์กร จนลืมนึกถึงหลังสถานการณ์นี้ องค์กรก็จะขับเคลื่อนช้ากับคู่แข่งแน่นอน กลับมาด้านการพัฒนาตนเองของพนักงานและคนทำงานในสถานการณ์นี้ หากการระบาดจะกลับมาอีกครั้ง 5 สิ่งสำคัญในการทำงานยุคนี้ ดังนี้ ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา บนสมาร์ตโฟน และอุปกรณ์พกพา :  การทำงานกับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ตั้งโต๊ะเป็นเรื่องล้าหลังไปแล้ว  มีคนจำนวนไม่น้อยปรับตัวในการทำงานผ่านระบบเทคโนโลยีพกพามานานก่อนจะเกิดสถานการณ์โควิด-19 เราจะสังเกตได้ว่าในช่วงปีสองปีนี้มีคนทำงานไม่น้อยที่ทำงานผ่านระบบเทคโนโลยีนี้ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น แถมการทำงานโดยอุปกรณ์พกพานี้ยังลดต้นทุนด้านไอทีขององค์กรได้อีกด้วย ระบบการสื่อสาร โลกาภิวัฒน์ช่วยเชื่อมต่อโลกในการทำงานอย่างไม่มีขีดจำกัด : การสื่อสารปัจจุบันผู้สมัครงานต้องปรับตัวและเพิ่มความรู้ในด้านนี้ให้มากขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานของผู้สมัครงาน หากผู้สมัครงานมีความรู้ความสามารถในด้านการสื่อสารและฟังก์ชั่นการสื่อสารระบบออนไลน์ ก็จะทำให้ผู้สมัครงานมีศักยภาพในการทำงานมากขึ้นและพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลา แถมยังต่อยอดในระบบอีคอมเมิร์ซอย่างเต็มตัว การเพิ่มความรู้ความเข้าใจในระบบ  คลาวด์ คือหัวในการทำงานร่วมกัน : ระบบการประมวลผล และการจัดเก็บข้อมูลบนฐานข้อมูลออนไลน์ ในรูปแบบ คลาวด์ จะเข้ามามีบทบาทในการเป็นศูนย์กลางของการทำงานร่วมกัน ช่วยให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลในการทำงาน ทั้งในส่วนขององค์กรที่สามารถเฝ้าดูการทำงานจากระยะไกล และทีมงานที่สามารถโต้ตอบกันได้ด้วยการทำงานร่วมกันผ่านทางวิดีโอตลอดเวลา การพัฒนาตัวเองในการใช้งานระบบซอฟต์แวร์เพื่อการทำงานที่ยืดหยุ่นและคล่องตัว : การดำเนินงานขององค์กรยุคใหม่ต้องมีความยืดหยุ่น และคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิม โดยเน้นให้คนทำงานทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันได้ การมีโปรแกรมซอฟต์แวร์ในองค์กร ตัวของคนนทำงานก็ต้องเรียนรู้ในระบบการทำงานรูปแบบเหล่านี้ เพื่อจะได้ง่ายต่อการปฏิบัติงานต่อไป การมีทักษะพิเศษเพิ่มเติม : การพัฒนาตัวในการทำงานเพิ่มทักษะที่จำเป็นและสามารถนำไปต่อยอดกับสายงานของตนเองและรวมถึงทักษะที่นอกเหนือจากที่เคยทำมา จะช่วยให้คนทำงานเปิดทัศนคติและมีความรู้ความสามารถในการทำงานมากขึ้น แถมยังเพิ่มศักยภาพในการทำงานได้อีกทางด้วย บทความโดย : พงศิษฐ์​ ด่านประเสริฐกุล
อ่านเพิ่มเติม

ครม.มีมติลดเงินสมทบประกันสังคมอีก3เดือน

เมื่อคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน กรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเฟสที่ 2 โดยลดหย่อนการออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จากปกติฝ่ายละ 5% เหลือฝ่ายละ 2% ของค่าจ้างผู้ประกันตน และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ส่งเงินสมทบในอัตราเดือนละ 96 บาท จากปกติที่ต้องจ่ายเดือนละ 432 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่งวดค่าจ้างเดือน กันยายน - พฤศจิกายน  2563 การลดหย่อนการจ่ายเงินสมทบครั้งนี้ จะเป็นการลดภาระให้แก่ผู้ประกันตน จำนวน 12.79 ล้านคน คิดเป็นเงิน 13,074 ล้านบาท และนายจ้าง 487,000 ราย คิดเป็นเงิน 11,234 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กว่า 24,000 ล้านบาท และหากคิดเป็นจำนวนเงินที่จะประหยัดได้ของผู้ประกันตน มาตรา 33 เฉลี่ย 1,022 บาท และผู้ประกันตนมาตรา 39 เฉลี่ย 1,008 บาท ต่อช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ลดหย่อนให้ส่วนกองทุนประกันสังคมคาดว่าจะจัดเก็บเงินสมทบได้ 26,463 ล้านบาท จากปกติที่ประมาณการจัดเก็บได้จำนวน 50,775 ล้านบาท จัดเก็บลดลง 24,313 ล้านบาท ขณะที่ประมาณการรายจ่ายประโยชน์ทดแทนในช่วง 3 เดือน คิดเป็นเงิน 46,667 ล้านบาท ทำให้เงินสมทบที่จัดเก็บต่ำกว่ารายจ่าย และต้องใช้เงินกองทุน 17,204 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนเสียโอกาสจากการลงทุน 1,077 ล้านบาท ข่าว : thairath online ลิ้งก์ : https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/1922612
อ่านเพิ่มเติม

การเพิ่มทักษะในการทำงานให้มีความหลากหลายเพื่อให้อยู่รอดในสถานการณ์ปัจจุบัน

Multitasking skills ทักษะจำเป็นของคนทำในยุคนี้ ไม่ตกงานชัวร์ ถ้าจะพูดถึง Skills ในการทำงานของคนทำงานในยุคดิจิทัลนี้ ความสามารถที่หลากหลายเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ประกอบการว่าจะรับคุณเข้าทำงาน หรือต่ออายุการทำงานของคุณได้ ยกตัวอย่าง Multitasking Skills เรียกง่ายๆว่า การทำงานด้วยความสามารถหลากหลายด้าน  ถึงแม้เราจะทำงานในตำแหน่งงานเดียวระดับปฏิบัติงานหรือชำนาญ ไม่เว้นแต่ระบบบริหารงาน ก็จำเป็นทั้งนั้น   การทำงาน Multitasking Skills เป็นอย่างไร ก็เป็นการพัฒนาตัวเองในสายงานของตนและไม่ขีดข้อจำกัดในการทำงานในกรอบขอบเขตที่ตัวเองเคยทำมา ความสามารถหลากหลายด้านนี้ เช่น คุณทำงานในตำแหน่งการตลาด แต่ถ้าคุณมีความสามารถพอ ก็สามารถออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆที่นำไปใช้ในกระบวนการทำงานของคุณได้  ทั้งด้านกราฟิก แต่ไม่เป็นต้องทำในระยะเวลาเดียวกัน การพัฒนาตนเองในการทำงานของผู้สมัครงาน คนทำงาน ในโลกอินเทอร์เน็ต ก็เป็นแหล่งเรียนรู้และเพิ่มทักษะให้กับตนเองได้ดีเยี่ยม ตามเทรนด์โลกได้ทัน กำหนดทิศทางกระบวนการทำงานของคุณได้ การตามโลกให้ทันเป็นสิ่งดี และเนื่องด้วยเวลาจำกัด เราก็ยิ่งต้องเพิ่มศักยภาพหลายๆด้านในการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ผู้ประกอบการและองค์กรของคุณเห็นถึงความสามารถของตัวคุณเอง ไม่ใช่ทำงานแบบผ่านไปวันๆ เดิมๆ และไม่คิดจะพัฒนาตัวเองเลย ถ้ายังไม่คิดจะเปลี่ยนตัวเองในเวลานี้ เชื่อเลยว่าอีกไม่นานคุณจะเป็นบุคคลที่ตามโลกไม่ทันและอาจโดนกำหนดให้เป็นคนทำงานที่องค์กรเลือกไม่ต่ออายุการทำงานก็ได้ ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ด้วย ใครทำงานได้หลากหลายด้านก็มีชัยไปเกินครึ่งแน่ๆ   Multitasking Skills อย่างเดียวก็ไม่พอต่อการพัฒนาตนเอง ต้องจัดลำดับความสำคัญของกระบวนการทำงานให้ได้ด้วย เราจะบอกหลักการง่ายๆ เพื่อนำไปปรับใช้กัน การจัดการเวลา :  การทำงานหลากหลาย ควรจัดลำดับความสำคัญให้ดีอะไรก่อนหลัง คุณต้องใช้เทคโนโลยี และตัวช่วยอื่นๆ เพื่อให้ได้เวลาของคุณคืนมา ทำงานได้เร็วขึ้น และมีเวลาเหลือมากขึ้น ทำงานเสร็จตามกำหนด​ : ตารางงานเป็นสิ่งจำเป็น สิ่งไหนต้องทำให้เสร็จวันไหน เวลาไหน การจดบันทึก การแจ้งเตือนกำหนดการต่างๆ แผนงานที่ต้องทำทั้งหมดนี้คือความรับผิดชอบของผู้สมัครงาน งานไหนทำก่อน ทำหลัง ทำให้เสร็จตามที่กำหนดไว้ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า :  การทำงานทุกอย่างย่อมมีปัญหาระหว่างการทำงาน เป็นเรื่องปกติ แต่การแก้ไขปัญหาในแบบฉบับของการทำงานแบบ Multitasking Skills ต้องอาศัยความอดทนและความรอบคอบพอสมควร เพราะจะมีเวลาเข้ากับเกี่ยวข้อ การยึดติดกับการวางแผนงานเดิมๆ อาจไม่ประสบความสำเร็จ ประสบการณ์ดีขึ้น : ในการทำงานแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะเพิ่มศักยภาพในการทำงานแล้ว ยังจะทำให้ผู้สมัครงานและคนทำงานมีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย เพื่อนำไปต่อยอดในการพัฒนาตัวเองและขับเคลื่อนองค์กรไปได้อย่างรวดเร็ว และคุณเองก็จะก้าวหน้าในการทำงานอย่างก้าวกระโดดแน่นอน สรุปกันง่ายๆ ในการทำงาน Multitasking Skills  พัฒนาตัวเองในทักษะที่หลากหลาย หยุดพูดคำว่าเดียวก่อน เพราะเวลาไม่รอใคร และหยุดตั้งกำแพงในการทำงานกับคำว่าทำไม่ได้ ไม่มีเวลา ถ้าจัดการเวลาได้ดี ก็ทำทุกอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ   บทความโดย : พงศิษฐ์ ด่านประเสริฐกุล
อ่านเพิ่มเติม

ในยุคดิจิทัลทักษะความเป็นผู้นำและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นสิ่งสำคัญรวมทั้งการพัฒนาตนเอง

ภาวะทักษะความเป็นผู้นำที่ดีของผู้สมัครงาน และคนหางาน คิดจะก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ขึ้นอยู่กับการปรับตัว การมุ่งมั่นในการทำงาน และพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดความรู้ ทักษะความเข้าใจในภาระงานที่ดี รวมถึงทัศนคติของเราต่องานที่ทำเป็นสิ่งสำคัญต่อความก้าวหน้าไม่แพ้สิ่งอื่น  “  การเป็น  ผู้นำดี  ไม่ได้หมายความว่า ผู้นำคนนั้นต้องเก่งที่สุด  “    แต่การเป็นผู้นำดีนั้น  คือ การทำให้ลูกน้อง ของตน เก่งขึ้น และดีต่างหาก  การเป็นหัวหน้าอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นหัวหน้าและเป็นผู้นำที่ดี นี่ซิเป็นเรื่องยากและการท้าทายสำหรับทุกคน เพราะคุณไม่สามารถสั่งให้ทุกคนชอบหรือเห็นด้วยในสิ่งที่ตนเองทำ   แต่ในฐานะผู้นำ  คุณต้องซื้อใจลูกน้องให้ได้ เพื่อต่อยอดการทำงาน ส่งให้องค์กรประสมความสำเร็จตามเป้าที่ตั้งไว้ให้ได้   ลักษณะ 10 ทักษะสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้คุณและลูกน้องอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข 1. ทำให้เกิดความร่วมมือ แน่นอนว่างานทุกอย่างจะสำเร็จไม่ได้หากเกิดจากๆ คนเดียว เพราะฉะนั้นทุกคนต้องร่วมมือกัน แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น  “ ผู้นำ  “ ที่ทำหน้าที่กุมอำนาจ แต่ก็ใช้ว่าคุณจะมีสิทธิ์สั่งอย่างเดียว ผู้นำที่ดีต้องรู้จักใช้อำนาจด้วยเหตุผล รับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น เพื่อให้ภาพรวมการทำงานมีประสิทธิภาพที่น่าเชื่อถือ 2. โฟกัสที่ทีมงาน บุคลากรที่ดี ถือเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดขององค์กร การกล่าวคำชื่นชม  การทำงานของ ผู้ร่วมงาน  การสร้างความเชื่อมั่นในตัวทีมงาน  และ การเคารพซึ่งกันและกัน 3. มองเห็นความผิดปกติ เราเชื่อว่าไม่มีใครอยากรับมือกับเรื่องดราม่า แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณจะต้องเจอกับปัญหาเล็กๆ ที่อาจก่อตัวเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต หน้าที่ของผู้นำคือ หมั่นสังเกตความผิดปกติในทีม หานโยบายการทำงานที่สอดคล้องกัน เพื่อให้ทีมทำงานได้อย่างงมีประสิทธิภาพ 4. กล้าเปลี่ยนแปลง การจะก้าวสู่การเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จได้นั้น คุณต้องเข้าใจก่อนว่า ไม่ว่าคุณจะทำอะไรย่อมส่งผลต่อองค์กรแน่นอน อย่ากลัวที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง ให้มองว่าเป็นเรื่องท้าทายที่คุณและทีมงานสามารถทำร่วมกันได้ 5. รู้จักเรียนรู้ เพราะการทำธุรกิจคือโลกของการแข่งขัน ในฐานะผู้นำคุณต้องเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนองค์กร พยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และวิธีตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่สำคัญอย่าลืมปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ให้ทีมงาน 6. ต้องเป็นหัวหน้าที่เข้าถึงง่าย เมื่อพูดถึงการเป็นผู้นำที่อยู่บนยอดสูงสุดขององค์กร บางคนอาจรู้สึกกลัว เหงา หรือโดดเดี่ยว อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรแยกตัวเองออกจากคนอื่น แต่ต้องเป็นหัวหน้าที่ลูกน้องเข้าถึงง่าย เห็นคุณค่าของการใช้เวลาร่วมกับผู้อื่น หมั่นพูดคุยกับทีมงานบ้าง แล้วคุณจะรู้ว่าพวกเขามีปัญหาอะไร และแต่ละคนมีนิสัยอย่างไร 7. มีความเชื่อมั่น การเป็นผู้นำที่น่าเอาแบบอย่าง ต้องมากจากความเชื่อมั่นที่มีอยู่ในตัวเอง เพราะทุกการกระทำของคุณ จะเป็นการแสดงความเชื่อมั่นที่มีต่อองค์กรและลูกน้องได้รับรู้ 8. มีความรับผิดชอบ จริงๆ แล้วไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งใด ความรับผิดชอบคือสิ่งที่ทุกคนต้องมีไม่ว่าจะทำอะไร 9. มีคาแรคเตอร์ การมีคาแรคเตอร์เฉพาะตัว อย่ามองว่าไม่สำคัญ คาแรคเตอร์ของคุณจะช่วยเสริมให้การกระทำ และทำพูดน่าเชื่อถือขึ้น ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับคาแรคเตอร์ของแต่ละคน บางครั้งอาจเป็นสายฮา บางคนสายจริงจัง หาความพอดีให้เจอ แล้วทุกอย่างจะง่ายเอง 10. พร้อมให้คำปรึกษา และเปิดโอกาส การเป็นผู้นำไม่ได้หมายความคุณจะต้องอยู่บนหิ้งแตะต้องไม่ได้ แต่ผู้นำที่ดีต้องเข้าถึงง่าย และพร้อมจะให้คำปรึกษาแก่ลูกน้อง บางครั้งคุณอาจไม่เชี่ยวชาญเท่าลูกน้อง ลองปล่อยให้พวกเขานำทางบ้าง เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงทักษะและความสามารถที่ซ่อนอยู่   ทั้งนี้ จากการกล่าวข้างต้น หากไม่มีสักข้อ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นผู้นำที่ไม่ดี แต่คุณสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกน้องให้เกิดความพยายาม ในการลงมือทำได้ เพียงมีความมุ่งมั่นและทำทุกอย่างได้ให้เต็มที่   บทความโดย : นางสาวสุรัตนวดี   แซ่ตั้น
อ่านเพิ่มเติม
Top