Blog
Blog

พฤติกรรมเปลี่ยนไปการตลาดที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามยุคดิจิทัล
พฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนไป ใช้ดิจิทัลเพื่อความบันเทิงน้อยลง เพราะใช้หาเงินมากขึ้น เปลี่ยนไปเพราะอะไร ทุกท่านคงทราบกันดี ว่าพฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนไปในการใช้สื่อ การทำงานผ่านช่องทางต่างๆ พฤติกรรมการใช้จ่าย การหางานก็เปลี่ยนไป การเว้นระยะห่างทางสังคม การใส่หน้ากากอนามัย เพื่อลดการติดต่อกัน จนเกิดความกังวลหลายๆเรื่อง ทั้งเด็กจบใหม่ที่กลัวการตกงานและอัตราการจ้างงานน้อยลง ผู้สูงอายุก็กลัวการติดเชื้อเพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อได้มากที่สุด เราจะยกตัวอย่างพฤติกรรมของไทยที่เปลี่ยนไป ในยุคดิจิทัลและสถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่คาดคิด เราใช้สื่อดิจิทัลในการเสพสื่อบันเทิงน้อยลง ใช้หารายได้เพิ่มขึ้น สื่อสังคมออนไลน์ และสื่อดิจิทัลต่างๆ มีบทบาทในการสื่อสารของสังคมไทย จากที่เดิมเราจะเล่นสื่อสังคมออนไลน์เพื่อความบันเทิง และความสนุกพักผ่อนเท่าไร แต่ในยุคนี้ เราเปลี่ยนพฤติกรรม พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ในการหารายได้ เพิ่มรายได้ หางานเงินผ่านช่องทางเหล่านี้มากขึ้น และเพื่อความอยู่รอด นักศึกษาจบใหม่หลายๆคนก็เลือกที่จะอยู่ภูมิลำเนาของตน หางาน ทำงานในพื้นที่มากขึ้น หรือหารายได้เสริมจากการขับรถส่งอาหาร จากหลากหลายแบรนด์ที่กำลังเติบโต แถมยังมีรายได้ดี อีกกลุ่มก็เริ่มขายของออนไลน์ ไลฟ์ขายของ ทำอาหารส่ง ทำขนม หรือขายสินค้าต่างๆ ซึ่งข้อมูลจาก Wisesight พบกว่าเมื่อช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นมา มีการไลฟ์เยอะมากขึ้น และถึงแม้จะผ่านไปการไลฟ์จะลดน้อยลงแต่ก็ยังสูงกว่าก่อน โควิด-19 ดังนั้นนี่คือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างถาวร Twitter มาแรงกว่าที่คิดในการค้าขาย เมื่อ Facebook เริ่มมีการกระแสที่ผู้บริโภคเริ่มมีความกังวลเรื่องข้อมูลการนำเสนอที่จะถูกปิดกั้นก่อนที่จะถึงผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภคมองหาช่องทางการสื่อสารใหม่ๆ ที่รวดเร็วและได้ผล Twitter จึงตอบโจทย์ทั้งในแง่ของความเร็ว และความสามารถในค้นหาข่าวผ่านแฮชแท็กที่อยากรู้ได้ บทความภาษาถิ่นได้รับความนิยมมากขึ้น Content ที่เป็นภาษาท้องถิ่นได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และใช้นักแสดงที่เป็นลูกหลานของจังหวัดนั้นๆ รวมถึงได้โชว์ภาษาถิ่นอัตลักษณ์ของตนเองออกมาทำให้ผู้บริโภคยิ่งรัก ยิ่งชอบ ในช่วง 2-3 เดือนหลังมานี้ เริ่มเห็นเพลงลูกทุ่งหรือเพลงที่มีภาษาถิ่นได้รับความนิยมมาก และถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ใช่ภาษาถิ่นจะยิ่งชอบมากขึ้น อีกสิ่งที่พบคือ ผู้บริโภคกระโดดมาดูคอนเทนต์บนแอปพลิเคชันมากขึ้น และดูแบบ Cross content คือดูคอนเทรนต์ของไทยแล้วดูคอนเทนต์ของต่างชาติต่อ ปัจจุบันนักการตลาดที่จะผลิตคอนเทรนต์มาสักชิ้นจะต้องมีความพิเศษมากๆ ที่จะให้คนเกาะติดได้ และทำให้แตกต่างให้ได้ การหางานในยุคดิจิทัล ผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตต่อเนื่อง การพัฒนาระบบการหางานออนไลน์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในหลายๆเว็บไซต์ก็มีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ถึงแม้ตำแหน่งงานในช่วงเวลาดังกล่าวจะน้อยลง แต่ก็ยังมีผู้สมัครงานหางานผ่านทุกช่องทาง เว็บหางานออนไลน์จึงจำเป็นต้องมีความพร้อมผ่านทุกช่องทาง แอปพลิเคชัน หน้าเว็บไซต์ ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ และรูปแบบการสัมภาษณ์งานที่เปลี่ยนไป เพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม ผู้ประกอบการ ก็มีสิทธิเลือกคุณสมบัติผู้สมัครงานมากขึ้น อารมณ์ว่า ถ้าไม่ดีจริงเราก็รอหาคนใหม่ได้ ไม่ได้รีบร้อนเหมือนก่อนสถานการณ์ระบาด จึงเป็นตัววัดว่าเราต้องเก่งจริงมีทัศนคติดีกว่าถึงจะมีงานในยุคดิจิทัลแบบนี้ นี้เป็นสิ่งทีเปลี่ยนไปในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าอย่างไรมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อความอยู่รอด และการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ยุคปัจจุบันเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง เพื่อเพิ่มโอกาสในการใช้ชีวิตต่อไป บทความโดย : พงศิษฐ์ ด่านประเสริฐกุล ขอขอบคุณบทความข่าวบางส่วน : positioningmag.com
อ่านเพิ่มเติม

คนทำงานต้องปรับตัวหากยังมีการระบาดต่อเนื่อง
WHO คาดผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ทะลุ 2 ล้านราย จากสถานการณ์ การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลไปทั่วโลกไม่ใช่แค่เฉพาะประเทศไทย ในประเทศถึงแม้การระบาดจะมีการควบคุมสถานการณ์ได้บางในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจภายรวม ทั้งการจ้างงาน การค้าขาย การท่องเที่ยว ทุกระบบ โดยเฉพาะสถานการณ์การจ้างงานที่มีอัตราน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และยังเป็นสัญญาณว่ายุคดิจิทัลเต็มรูปแบบมาเร็วกว่าที่คิด แรงงานผู้สมัครงาน คนหางาน ที่ผู้ประกอบการต้องการ ก็จะเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง ทำงานได้หลายด้าน มีความรู้ความเข้าใจระบบดิจิทัล เพราะทุกส่วนงานต้องปรับตัวในการทำงานภายในองค์กร หากผู้สมัครงานใดมีทักษะ ทั้งการใช้ชีวิต ทัศนคติที่ดี บวกกับความรู้ความสามารถในหลายมิติก็มีโอกาสได้งานในยุคนี้ ตำแหน่งงานรับเยอะในช่วงนี้มาแรงมาก อาทิ การขาย การตลาด วิศวกร ไอที โปรแกรมเมอร์ ขนส่ง และการตลาดดิจิทัล เป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังมีตำแหน่งงานระดับสูงที่เป็นที่ต้องการ ถึงระดับผู้อำนวยการฝ่าย ผู้จัดการฝ่าย ทั้งระบบองค์รและภาคการผลิตอุตสาหกรรม ผู้สมัครงาน ต้องเตรียมความพร้อม ทักษะที่จำเป็นเพื่อให้ได้งานในยุคโควิดแบบนี้ให้ได้ และต้องรู้จักเรียนรู้นวัตกรรมใหม่ๆเพื่อนำไปต่อยอดประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพราะขณะที่ผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากไวรัส COVID-19 กำลังจะทะลุ 1 ล้านคน องค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า มีความเป็นไปได้ ที่ผู้เสียชีวิตจะเพิ่มเป็น 2 เท่า หากประเทศต่างๆ ไม่ดำเนินการในการปราบปรามการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างสม่ำเสมอ นับตั้งแต่ปลายปีที่แล้วที่พบเชื้อไวรัสนี้ที่ประเทศจีน ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อมากว่า 32 ล้านคนทั่วโลก และคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วไม่น้อยกว่า 983,000 คน อย่างไรก็ตาม ดร.ไมเคิล ไรอัน ศัลยแพทย์และนักระบาดวิทยา องค์การอนามัยโลก กล่าว่า มีความเป็นได้ที่จะมีผู้เสียชีวิต กว่า 2 ล้านคน ก่อนที่วัคซีน COVID-19 จะพร้อมใช้งานหากผู้นำระดับโลกไม่ดำเนินมาตรการช่วยชีวิตให้ดีขึ้น รวมถึงการพัฒนาลักษณะและขนาดความเข้มข้นของความร่วมมือ หากไม่มีวัคซีนภายใน 9 เดือนข้างหน้านี้ มีสิทธิที่จะทะลุ 2 ล้านคนทั่วโลก เราต้องให้ความร่วมมือกัน แม้ในประเทศไทยก็พบว่า ประชาชนทั่วไทยก็เริ่มไม่ระมัดระวังตัวในการใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ ซึ่งอาจเป็นอันตรายและการแพร่กระจายเชื้อได้หากมีคนติดเชื้อหลุดเข้าประเทศมา และจะมีผลกระทบระลอก 2 ส่งผลกระทบทั้งระบบเศรษฐกิจ การหางาน การทำงานของพวกเราเอง ปลอดภัยไว้กันนะครับ เพราะเราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน บทความโดย : พงศิษฐ์ ด่านประเสริฐกุล
อ่านเพิ่มเติม

การพัฒนาตัวเองและเตรียมความพร้อมในการทำงานในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
คนทำงานต้องปรับตัวอย่างไร หากมีการระบาดอีกครั้ง โควิด-19 ในสถานการณ์ที่อ่อนไหวแบบนี้กับสถานการณ์โควิด-19 ที่อยู่ๆก็มีบุคคลภายในประเทศติดเชื้ออีกครั้ง ทำให้องค์กรและภาคธุรกิจกลับมาระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม เราต้องยอมรับว่าในช่วงนี้ที่สถานการณ์เหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ในสภาวะการจ้างงานก็ยังมีความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่องค์กรระดับใหญ่ของประเทศ หรือองค์กรระดับกลาง ไปถึงองค์กรระดับเล็กๆ ที่ปิดกิจการไปจำนวนมาก แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรผู้สมัครงานหรือคนหางาน ก็ต้องปรับตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีทำงาน การพัฒนาตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้อยู่รอดในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ทางกลับกันถ้าหากองค์กรดูแลพนักงานไม่ดี คิดแต่ผลประโยชน์ที่จะได้รับโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของพนักงานซึ่งมีส่วนในการขับเคลื่อนองค์กรได้ พนักงานเก่งๆอาจจะทิ้งองค์กรเหล่านั้นเพื่อไปหาสวัสดิการในการชีวิตที่ดีกว่า เพราะเห็นได้ชัดว่าหลายๆองค์กรอาศัยในสถานการณ์นี้เลิกจ้างพนักงานออกเป็นจำนวนมากคิดเพียงแค่ว่า อยากลดอัตราค่าใช้จ่ายในองค์กร จนลืมนึกถึงหลังสถานการณ์นี้ องค์กรก็จะขับเคลื่อนช้ากับคู่แข่งแน่นอน กลับมาด้านการพัฒนาตนเองของพนักงานและคนทำงานในสถานการณ์นี้ หากการระบาดจะกลับมาอีกครั้ง 5 สิ่งสำคัญในการทำงานยุคนี้ ดังนี้ ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา บนสมาร์ตโฟน และอุปกรณ์พกพา : การทำงานกับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ตั้งโต๊ะเป็นเรื่องล้าหลังไปแล้ว มีคนจำนวนไม่น้อยปรับตัวในการทำงานผ่านระบบเทคโนโลยีพกพามานานก่อนจะเกิดสถานการณ์โควิด-19 เราจะสังเกตได้ว่าในช่วงปีสองปีนี้มีคนทำงานไม่น้อยที่ทำงานผ่านระบบเทคโนโลยีนี้ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น แถมการทำงานโดยอุปกรณ์พกพานี้ยังลดต้นทุนด้านไอทีขององค์กรได้อีกด้วย ระบบการสื่อสาร โลกาภิวัฒน์ช่วยเชื่อมต่อโลกในการทำงานอย่างไม่มีขีดจำกัด : การสื่อสารปัจจุบันผู้สมัครงานต้องปรับตัวและเพิ่มความรู้ในด้านนี้ให้มากขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานของผู้สมัครงาน หากผู้สมัครงานมีความรู้ความสามารถในด้านการสื่อสารและฟังก์ชั่นการสื่อสารระบบออนไลน์ ก็จะทำให้ผู้สมัครงานมีศักยภาพในการทำงานมากขึ้นและพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลา แถมยังต่อยอดในระบบอีคอมเมิร์ซอย่างเต็มตัว การเพิ่มความรู้ความเข้าใจในระบบ คลาวด์ คือหัวในการทำงานร่วมกัน : ระบบการประมวลผล และการจัดเก็บข้อมูลบนฐานข้อมูลออนไลน์ ในรูปแบบ คลาวด์ จะเข้ามามีบทบาทในการเป็นศูนย์กลางของการทำงานร่วมกัน ช่วยให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลในการทำงาน ทั้งในส่วนขององค์กรที่สามารถเฝ้าดูการทำงานจากระยะไกล และทีมงานที่สามารถโต้ตอบกันได้ด้วยการทำงานร่วมกันผ่านทางวิดีโอตลอดเวลา การพัฒนาตัวเองในการใช้งานระบบซอฟต์แวร์เพื่อการทำงานที่ยืดหยุ่นและคล่องตัว : การดำเนินงานขององค์กรยุคใหม่ต้องมีความยืดหยุ่น และคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิม โดยเน้นให้คนทำงานทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันได้ การมีโปรแกรมซอฟต์แวร์ในองค์กร ตัวของคนนทำงานก็ต้องเรียนรู้ในระบบการทำงานรูปแบบเหล่านี้ เพื่อจะได้ง่ายต่อการปฏิบัติงานต่อไป การมีทักษะพิเศษเพิ่มเติม : การพัฒนาตัวในการทำงานเพิ่มทักษะที่จำเป็นและสามารถนำไปต่อยอดกับสายงานของตนเองและรวมถึงทักษะที่นอกเหนือจากที่เคยทำมา จะช่วยให้คนทำงานเปิดทัศนคติและมีความรู้ความสามารถในการทำงานมากขึ้น แถมยังเพิ่มศักยภาพในการทำงานได้อีกทางด้วย บทความโดย : พงศิษฐ์ ด่านประเสริฐกุล
อ่านเพิ่มเติม

ครม.มีมติลดเงินสมทบประกันสังคมอีก3เดือน
เมื่อคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน กรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเฟสที่ 2 โดยลดหย่อนการออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จากปกติฝ่ายละ 5% เหลือฝ่ายละ 2% ของค่าจ้างผู้ประกันตน และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ส่งเงินสมทบในอัตราเดือนละ 96 บาท จากปกติที่ต้องจ่ายเดือนละ 432 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่งวดค่าจ้างเดือน กันยายน - พฤศจิกายน 2563 การลดหย่อนการจ่ายเงินสมทบครั้งนี้ จะเป็นการลดภาระให้แก่ผู้ประกันตน จำนวน 12.79 ล้านคน คิดเป็นเงิน 13,074 ล้านบาท และนายจ้าง 487,000 ราย คิดเป็นเงิน 11,234 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กว่า 24,000 ล้านบาท และหากคิดเป็นจำนวนเงินที่จะประหยัดได้ของผู้ประกันตน มาตรา 33 เฉลี่ย 1,022 บาท และผู้ประกันตนมาตรา 39 เฉลี่ย 1,008 บาท ต่อช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ลดหย่อนให้ส่วนกองทุนประกันสังคมคาดว่าจะจัดเก็บเงินสมทบได้ 26,463 ล้านบาท จากปกติที่ประมาณการจัดเก็บได้จำนวน 50,775 ล้านบาท จัดเก็บลดลง 24,313 ล้านบาท ขณะที่ประมาณการรายจ่ายประโยชน์ทดแทนในช่วง 3 เดือน คิดเป็นเงิน 46,667 ล้านบาท ทำให้เงินสมทบที่จัดเก็บต่ำกว่ารายจ่าย และต้องใช้เงินกองทุน 17,204 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนเสียโอกาสจากการลงทุน 1,077 ล้านบาท ข่าว : thairath online ลิ้งก์ : https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/1922612
อ่านเพิ่มเติม

การเพิ่มทักษะในการทำงานให้มีความหลากหลายเพื่อให้อยู่รอดในสถานการณ์ปัจจุบัน
Multitasking skills ทักษะจำเป็นของคนทำในยุคนี้ ไม่ตกงานชัวร์ ถ้าจะพูดถึง Skills ในการทำงานของคนทำงานในยุคดิจิทัลนี้ ความสามารถที่หลากหลายเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ประกอบการว่าจะรับคุณเข้าทำงาน หรือต่ออายุการทำงานของคุณได้ ยกตัวอย่าง Multitasking Skills เรียกง่ายๆว่า การทำงานด้วยความสามารถหลากหลายด้าน ถึงแม้เราจะทำงานในตำแหน่งงานเดียวระดับปฏิบัติงานหรือชำนาญ ไม่เว้นแต่ระบบบริหารงาน ก็จำเป็นทั้งนั้น การทำงาน Multitasking Skills เป็นอย่างไร ก็เป็นการพัฒนาตัวเองในสายงานของตนและไม่ขีดข้อจำกัดในการทำงานในกรอบขอบเขตที่ตัวเองเคยทำมา ความสามารถหลากหลายด้านนี้ เช่น คุณทำงานในตำแหน่งการตลาด แต่ถ้าคุณมีความสามารถพอ ก็สามารถออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆที่นำไปใช้ในกระบวนการทำงานของคุณได้ ทั้งด้านกราฟิก แต่ไม่เป็นต้องทำในระยะเวลาเดียวกัน การพัฒนาตนเองในการทำงานของผู้สมัครงาน คนทำงาน ในโลกอินเทอร์เน็ต ก็เป็นแหล่งเรียนรู้และเพิ่มทักษะให้กับตนเองได้ดีเยี่ยม ตามเทรนด์โลกได้ทัน กำหนดทิศทางกระบวนการทำงานของคุณได้ การตามโลกให้ทันเป็นสิ่งดี และเนื่องด้วยเวลาจำกัด เราก็ยิ่งต้องเพิ่มศักยภาพหลายๆด้านในการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ผู้ประกอบการและองค์กรของคุณเห็นถึงความสามารถของตัวคุณเอง ไม่ใช่ทำงานแบบผ่านไปวันๆ เดิมๆ และไม่คิดจะพัฒนาตัวเองเลย ถ้ายังไม่คิดจะเปลี่ยนตัวเองในเวลานี้ เชื่อเลยว่าอีกไม่นานคุณจะเป็นบุคคลที่ตามโลกไม่ทันและอาจโดนกำหนดให้เป็นคนทำงานที่องค์กรเลือกไม่ต่ออายุการทำงานก็ได้ ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ด้วย ใครทำงานได้หลากหลายด้านก็มีชัยไปเกินครึ่งแน่ๆ Multitasking Skills อย่างเดียวก็ไม่พอต่อการพัฒนาตนเอง ต้องจัดลำดับความสำคัญของกระบวนการทำงานให้ได้ด้วย เราจะบอกหลักการง่ายๆ เพื่อนำไปปรับใช้กัน การจัดการเวลา : การทำงานหลากหลาย ควรจัดลำดับความสำคัญให้ดีอะไรก่อนหลัง คุณต้องใช้เทคโนโลยี และตัวช่วยอื่นๆ เพื่อให้ได้เวลาของคุณคืนมา ทำงานได้เร็วขึ้น และมีเวลาเหลือมากขึ้น ทำงานเสร็จตามกำหนด : ตารางงานเป็นสิ่งจำเป็น สิ่งไหนต้องทำให้เสร็จวันไหน เวลาไหน การจดบันทึก การแจ้งเตือนกำหนดการต่างๆ แผนงานที่ต้องทำทั้งหมดนี้คือความรับผิดชอบของผู้สมัครงาน งานไหนทำก่อน ทำหลัง ทำให้เสร็จตามที่กำหนดไว้ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า : การทำงานทุกอย่างย่อมมีปัญหาระหว่างการทำงาน เป็นเรื่องปกติ แต่การแก้ไขปัญหาในแบบฉบับของการทำงานแบบ Multitasking Skills ต้องอาศัยความอดทนและความรอบคอบพอสมควร เพราะจะมีเวลาเข้ากับเกี่ยวข้อ การยึดติดกับการวางแผนงานเดิมๆ อาจไม่ประสบความสำเร็จ ประสบการณ์ดีขึ้น : ในการทำงานแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะเพิ่มศักยภาพในการทำงานแล้ว ยังจะทำให้ผู้สมัครงานและคนทำงานมีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย เพื่อนำไปต่อยอดในการพัฒนาตัวเองและขับเคลื่อนองค์กรไปได้อย่างรวดเร็ว และคุณเองก็จะก้าวหน้าในการทำงานอย่างก้าวกระโดดแน่นอน สรุปกันง่ายๆ ในการทำงาน Multitasking Skills พัฒนาตัวเองในทักษะที่หลากหลาย หยุดพูดคำว่าเดียวก่อน เพราะเวลาไม่รอใคร และหยุดตั้งกำแพงในการทำงานกับคำว่าทำไม่ได้ ไม่มีเวลา ถ้าจัดการเวลาได้ดี ก็ทำทุกอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความโดย : พงศิษฐ์ ด่านประเสริฐกุล
อ่านเพิ่มเติม
